นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) สิ้นปี 55 เพิ่มเป็น 1.4 แสนล้านบาท จากปี 54 ที่ 1.26 แสนล้านบาท
ในปีนี้บริษัทมีแผนออกกองทุนใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลยุทธ์การบริหารงานของบริษัทในปีนี้เน้นให้ความสำคัญต่อผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นอันดับแรกเพื่อให้ประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหน่วยลงทุน และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้ครอบคลุมและตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของผู้ลงทุน
ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัว 3 กองทุนใหม่ ประกอบด้วย กองทุนเปิดทหารไทยจัดทัพลงทุนระยะสั้น ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน 15% เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุน 2-3 ปี, กองทุนเปิดทหารไทยจัดทัพลงทุนระยะปานกลาง โดยมีสัดส่วนลงทุนในตราสารทุน 30% เหมาะสำหรับลงทุนช่วงระยะ 3-5 ปี และ กองกองทุนเปิดทหารไทยจัดทัพลงทุนระยะยาว สัดส่วนการลงทุนตราสารทุนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจผู้จัดการกองทุนเบื้องต้นตั้งไว้ที่ 60% เหมาะสำหรับลงทุน 5 ปีขึ้นไป
ทั้งสามกองทุนจดทะเบียนไว้กองทุนละ 2 พันล้านบาท บริษัทมั่นใจว่าภายในสิ้นปีมูลค่ากองทุนจะเกิน 6 พันล้านบาท โดยจะนำเสนอขายครั้งแรก IPO ในระหว่างวันที่ 28 มี.ค.-5 เม.ย. นี้
นายสมจินต์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ยังถือว่าน่าสนใจยังสามารถลงทุนได้หลังแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะยาวปรับตัวสูงขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อซึ่งแสดงการติบโตของภาวะเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังหลังดัชนีตลาดหุ้นปรับขึ้นมาพอสมควรแล้ว ซึ่งการปรับตัวขึ้นแรงของตลาดหุ้นไทยในรอบนี้เกิดการฐานดัชนียังต่ำจากปี 54 ประกอบกับมีนโยบายหนุนจากภาครัฐโดยเฉพาะการปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคล ประกอบกับศักยภาพบริษัทจดทะเบียนที่ยังแข็งแกร่ง
"ตลาดหุ้นไทยขณะนี้ไม่ได้สูงและแพงเป็นพิเศษถืออยู่ในระดับราคาที่ใช้ได้ ตอนนี้เทรด forword P/E Ratio ที่ 13 เท่า เท่านั้นและปีนี้น่าจะมี Dividend Yiled เฉลี่ยที่ 3.6 % "
ส่วนการที่ รมว.คลังที่จะต่ออายุการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับผู้ที่ซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะครบกำหนดในปี 59 ออกไปอย่างไม่มีกำหนดนั้น โดยส่วนตัวเห็นด้วย เพราะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนให้คนเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นและส่งผลดีต่อธุรกิจกองทุนรวมในระยะยาว