ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มวัสดุ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีรายงานว่ายอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐร่วงลงอย่างเหนือความคาดหมายในเดือนก.พ.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 34.59 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 13,080.73 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 4.33 จุดหรือ 0.31% ปิดที่ 1,397.11 จุด ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 4.60 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 3,067.92 จุด
ส่วนในรอบสัปดาห์ตั้งแต่วันจันทร์จนถึงวันศุกร์ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงทั้งสิ้น 1.15% ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 0.50% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 0.41%
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ.ปรับตัวลดลง 1.6% แตะที่ 313,000 ยูนิต ขณะที่ยอดขายในเดือนม.ค.ถูกปรับลดลงสู่ระดับ 318,000 ยูนิต จากก่อนหน้านี้ที่ 321,000 ยูนิต ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายบ้านใหม่จะอยู่ที่ 325,000 ยูนิต
รายงานยอดขายบ้านใหม่ที่ลดลงดังกล่าวนับเป็นข้อมูลที่น่าผิดหวังอีกตัวหนึ่งสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านลดลง 1.1% ในเดือนก.พ. มาอยู่ที่ 698,000 ยูนิต เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ส่วนใหญ่ของนักวิเคราะห์ที่ว่าตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 700,000 ยูนิต แม้ว่าข้อมูลการขออนุญาตก่อสร้างที่พุ่งขึ้น 5.1% ในเดือนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงในกรอบที่จำกัดเนื่องจากราคาบ้านในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน โดยราคากลางสำหรับบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 8.3% แตะ 233,700 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับเดือนก.พ.ปีที่แล้วที่ราคากลางเพิ่มขึ้น 6.2% ส่วนสต็อกบ้านใหม่ในตลาดยังคงอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 150,000 ยูนิตในเดือนก.พ.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มวัสดุ โดยหุ้นเชฟรอนพุ่งขึ้น 1.1% หุ้นอัลโค อิงค์ พุ่งขึ้น 1% หุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ปรับตัวขึ้น 1.3% หุ้นคาโบท์ ออยล์ แอนด์ แก๊ส พุ่งขึ้น 3.2% และหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.5%
หุ้นไนกี้ดิ่งลงกว่า 3% หุ้นเฟดเอ็กซ์ร่วงลงเกือบ 1% และหุ้นทิฟฟานี ปรับตัวลง 1.4%