นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหารและการเงิน บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า(CENTEL) เปิดเผยว่า ตั้งเป้าหมายช่วง 5 ปี ตามแผนธุรกิจปี 55-59 จะมีการเติบโตของรายได้เฉลี่ยปีละ 10% ยกเว้นปี 55 ที่จะเติบโตราว 20% เป็น 1.37 หมื่นล้านบาท ซึ่งปี 59 คาดว่ารายได้จะใกล้ 2 หมื่นล้านบาท
ส่วนกำไรสุทธิคาดว่าจะสามารถทำกำไรได้เติบโตต่อเนื่องสร้างสถิติใหม่ทุกปี ซึ่ง EBIDA ในปี 55 เพิ่มเป็น 3.2 พันล้านบาทจากปี 54 มี 2.3 พันล้านบาท และปี 56 ที่ 3.6 พันล้านบาท ปี 57 ที่ 3.9 พันล้าน ปี 58 ที่ 4 พันล้านบาท และปี 59 ที่ 4.5 พันล้านบาท
โดยสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหารและธุรกิจโรงแรมอยู่ที่สัดส่วน 64:36 ในปี 59 ขณะที่สัดส่วนของกำไรสุทธิของอาหารและโรงแรมจะอยู่ 50:50
ขณะที่งบลงทุนในช่วง 5 ปีนี้เป็นเงิน 5 พันล้านบาท เฉลี่ยลงทุนปีละ 1 พันล้านบาท ไม่นับรวมงบลงทุนที่ใข้ในการลงทุนซื้อกิจการหรือซื้อแบรนด์อาหารใหม่ โดยจะเน้นกลยุทธ์แบบ Light Asset คือรับบริหารมากขึ้น จากในช่วงก่อนหน้านี้ บริษัทลงทุนสร้างโรงแรมใหม่ 3 แห่งเงินลงุทนกว่า 1 หมื่นล้านบาท
"ในปี 55 EBITDA จะเกิน 3 พันล้านบาทแล้วจะค่อยๆเพิ่มขึ้น และ อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) เราจะลดลงเหลือ 1.33 เท่าในปี 55 ตามแผนใน 2-3 ปีข้างหน้า เราจะไม่ขึ้นโครงการเอง เราต้องการรักษาวินัยทางการเงิน ซึ่งในปี 56 D/E จะเหลือ 1 เท่า และ ต่ำกว่า 1 เท่าตั้งแต่ปี 57"นายรณชิต กล่าว
ทั้งนี้ CENTEL ตั้งเป้าในปี 55 จะปรับยกอันดับเครดิตองค์กรมาเป็นระดับ A จากปัจจุบันอยู่ที่ A- เพื่อต้องการให้ต้นทุนทางการเงินต่ำลง
นายรณชิต กล่าวว่า ตามแผนธุรกิจ 5 ปี จะมีโรงแรมที่เป็นเจ้าของเอง 17 แห่งโดยคาดว่าจะเข้าร่วมทุน 2 แห่ง และรับบริหารโรงแรมเป็น 60 แห่ง หรือเพิ่มอีก 33 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในต่างประเทศ ส่วนธุรกิจอาหาร คาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 16 แบรนด์ จากปี 54มี 12 แบรนด์ โดยจะขยายเฉลี่ยปีละ 1 แบรนด์ และจะมีจำนวนสาขาเพิ่มเป็น 1,000 สาขาจากปี 54 จำนวน 603 สาขาและเพิ่มเป็น 660 สาขาในปี 55
ด้านนายสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการ CENTEL กล่าววา ในช่วง 5 ปีนี้ งบลงทุนจะน้อยลงไป เพราะระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งจากการชุมนมุทางการเมือง โรคไข้หวัดนก เป็นต้น ทำให้นโยบายบริษัทเปลี่ยนไป และการเข้ารับบริหารเป็นแนวทางที่ดีที่สุด เพราะชื่อของ เซ็นทารา ก็เป็นที่ยอมรับ ขณะที่ CENTEL มีความได้เปรียบ เมื่อมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เนื่องจากไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว และ บริษัทเองก็ตั้งพื้นที่เป้าหมายในการขยายธุรกิจไปยังอาเซียนทุกประเทศ
ส่วนนายสุภรัฐ จิราธิวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เซ็นทาราอินเตอร์เนชั่นแมเนจเมนต์ จำกัด บริษัทในกลุ่ม กล่าวว่า ปีนี้ มีแผนขยายโรงแรมโดยเน้นการบริหารจัดการในไทย ประเทศกลุ่มอาเซียน ประเทศมหาสมุทรอินเดีย จีน โดยจะขยายโรงแรมในทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะตลาดโรงแรมแบรนด์ 4 ดาว และ แบรนด์ Value ทั้งนี้บริษัทได้มองหาพื้นที่เป้าหมายใหม่เพื่อให้มีความหลากกลาย เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกวง ดูไบ และ ลอนดอน
นอกจากนี้บริษัทมีแผนแยกธุรกิจสปา และ ธุรกิจบริหารจัดการห้องประชุม(Convention) จัดตั้งเป็น 2 บริษัท อยู่ในกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งที่ผ่านมา รายได้จากธุรกิจบริหารจัดการห้องประชุม คิดเป็นสัดส่วน 30% ของรายได้รวม ทั้งธุรกิจสปา และ ธุรกิจบริหารจัดการห้องประชุม จะรับจ้างบริหารเช่นเดียวกับธุรกิจโรงแรม โดยบริษัทเป็นเจ้าของสปา 11 แห่ง ส่วนศูนย์ประชุมมี 8 แห่ง ซึ่งขณะนี้ได้รับการติดต่อจากต่างประเทศ
อีกทั้งบริษัทจะเปิดตัว Bugget Hotel หรือ Economy Hotel โรงแรมประหยัดแห่งแรกในเดือนพ.ย. นี้ คาดว่าเบื้องต้นจะตั้งอยู่ในใจกลางเมือง และมีพื้นที่จะดำเนินการ 20 แห่ง