(เพิ่มเติม) S&P ตั้งเป้าปี 55 รายได้โต 17% เดินหน้าขยายลงทุนในประเทศ-ตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 26, 2012 17:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เอส แอนด์ พี ซินดิเคท(S&P)ตั้งเป้ารายได้ปี 55 เติบโตราว 17% จากปีก่อนที่ทำรายได้ 5.9 พันล้านบาท โดยได้มีการทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าอาหารขึ้นเฉลี่ย 5% ในปีนี้ตามต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับราคาสูงขึ้น ขณะเดียวกันยังเดินหน้าขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในปีนี้ตั้งงบลงทุนในประเทศราว 500-550 ล้านบาทเพื่อขยายสาขาและซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม พร้อมทั้งมองโอกาสที่จะซื้อแบรนด์อาหารใหม่ ๆ จากต่างประเทศอีก 2 แบรนด์ นอกจากนั้น ยังเตรียมเปิดสาขาร้านอาหารในเครือที่ต่างประเทศเพิ่มเติม เบื้องต้นมองทำเลในอังกฤษและอาเซียน

นายประเวศวุฒิ ไรวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ S&P กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 55 เพิ่มขึ้นที่ 6.9 พันล้านบาท ทั้งร้านอาหาร, เบเกอรี่ในประเทศ และร้านอาหารต่างประเทศ โดยคาดยอดขายในประเทศที่ 6 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นต่างประเทศ

ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัท แบ่งเป็นร้านอาหารและเบเกอรี่ 77% ธุรกิจต่างประเทศ 13% และแพ็กฟูด 9%

บริษัทตั้งงบลงทุนสำหรับในประเทศปีนี้ที่ 500-550 ล้านบาท แบ่งเป็นซื้อเครื่องจักร 350 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเนื่องจากแรงงานหายากขึ้น รวมทั้งใช้เปิดสาขาใหม่ ทั้งร้านอาหาร เบเกอรี่ และปรับปรุงสาขาเดิม 200 ล้านบาท โดยจะเน้นเปิดสาขาต่างจังหวัด หัวเมืองใหญ่ราว 15-20 สาขา ในกทม.5-10 สาขา และปรับปรุงสาขาเดิมราว 40-50 สาขา และปีนี้คาดว่าจะซื้อแบรนด์ใหม่เป็นร้านอาหารจากต่างประเทศเพิ่มอีก 2 แบรนด์ คาดเห็นในไตรมาส 3-4/55

"ในประเทศก็จะทยอยเปิดร้านอาหารเพิ่ม ทั้งแบรนด์ PATIO และ วานิลาฯ รวมทั้งร้านกาแฟในออฟฟิศภายใต้แบรนด์ บลูคัพที่จะเปิดในเซ็นทาราแกรนด์เร็วๆนี้"นายประเวศวุฒิ กล่าว

นอกจากนี้ ยังมองหาโอกาสในการขยายร้านอาหารเพิ่มในต่างประเทศ เน้นยุโรปและอาเซียน โดยเฉพาะอังกฤษที่ตอนนี้มีร้านอาหารแบรนด์ PATARA และ SUDA ในลอนดอนอยู่แล้ว ในปีนี้จะขยายสาขา SUDA เพิ่มขึ้นอีก และเอเชีย แบรนด์ BANGKOK JAM มีอยู่ที่สิงคโปร์ ไต้หวัน ปีนี้ก็จะเปิดที่มาเลเซีย และประเทศอื่นๆ หากมีโอกาส ขณะที่ร้านอาหารในจีนถึงจุดคุ้มทุนแล้ว ปีนี้น่าจะเห็นกำไร

"การไปต่างประเทศจะเน้นประเทศที่ไปแล้ว ใช้เป็นฐานในการขยาย เช่น อังกฤษ แบรนด์ SUDA ยังขยายไปได้อีกเยอะ ส่วน PATARA อาจขยายยาก เอเชียที่จีน ขยายได้อีก"นายประเวศวุฒิ กล่าว

สำหรับการปรับราคาสินค้าคงจะทยอยปรับเฉลี่ย 5% ตามราคาวัตถุดิบที่ขึ้น และปีนี้มีเรื่องการขึ้นค่าแรงงาน ซัพพลายเออร์ก็ต้องขึ้นราคา ทำให้บริษัทจำเป็นต้องรักษาสมดุลราคาสินค้า แต่ก็ต้องไม่หยุดพัฒนาสร้างแบรนด์ให้แข็งแรง เพื่อโอกาสในการปรับราคาจะได้ไม่กระทบกำลังซื้อมาก

ส่วนสาขาที่ถูกผลกระทบน้ำท่วมปลายปีก่อน 70 แห่ง ปัจจุบันเหลืออีก 1 แห่งที่ยังไม่เปิดคือที่ศาลายา ส่วนที่เหลือเปิดได้หมดแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ