สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 40,019 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขายรวม 22,387 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 56% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 11,863 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 2 ปี 3 ปี และ 10 ปี (LB145B LB155A และ LB21DA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 8,387 ล้านบาท หรือคิดเป็น 71% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 2,011 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP173A) หุ้นกู้ของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF163A) และหุ้นกู้ของบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL12OA) และ โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,884 ล้านบาท หรือคิดเป็น 94% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตค้าตราสารหนี้มีสถานะซื้อสุทธิ 1,204 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 1,179 ล้านบาท และกลุ่มของและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,081 ล้านบาท
วันนี้ Yield curve ค่อนข้างคงที่ในทุกช่วงอายุของตราสาร โดยนักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอการเข้ามาลงทุนในพันธบัตรระยะสั้น เนื่องจากค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าลง ประกอบกับจะมีการประมูลพันธบัตรรุ่นอายุ 4 และ 5 ปี ในสัปดาห์นี้ ทำให้มีแรงขายพันธบัตรรุ่นอายุ 3 — 5 ปี
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.02% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดคงที่ 3.58% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.01% จากวันทำการก่อนหน้า