AOT คาดงวดปี 55 รายได้ 2.9 หมื่นลบ.,เร่งขยายสุวรรณภูมิเร็วขึ้น 1 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 27, 2012 10:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ว่าที่ รท.อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย(ทอท.หรือ AOT)ให้สัมภาษณ์กับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทตั้งเป้าหมายปริมาณจราจรทางอากาศในงวดปี 55(สิ้นสุด ก.ย.55) โดยจำนวนผู้โดยสารคาดว่าจะเติบโต 8.4% และจำนวนเที่ยวบินจะขยายตัว 5.4% จากปีก่อน

ทั้งนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิคาดว่าปีนี้จะมีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มเป็น 52.6 ล้านคน จากปีก่อนที่ 47.9 ล้านคน

ส่วนรายได้รวมในปีนี้ตั้งเป้าหมายอยู่ที่ 2.98 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.95 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่รายได้หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 85% มาจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รองลงมาเป็น ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ตามลำดับ ส่วนท่าอากาศยานดอนเมือง และ ท่าอากาศยานเชียงราย คาดว่าปีนี้ยังขาดทุน

กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT คาดว่าผลประกอบการในงวดครึ่งแรกปี 55 (ต.ค.54- มี.ค.55)มีแนวโน้มดี เนื่องจากในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา(ต.ค.54-ก.พ.55)ในภาพรวมมีผู้โดยสารเติบโต 4% และเที่ยวบินโต 9% ขณะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในช่วงเดียวกันมีเที่ยวบินเติบโต 19% และจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 7% หรือมีผู้ใช้บริการวันละ 1.6-1.7 แสนคนจากเดิมมีจำนวน 1 แสนคน/วัน

ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองได้ลงทุนไปกว่า 100 ล้านบาทในการสร้างแนวรั้วป้องกันน้ำท่วมสูง 3 เมตร ร่วมกับกองทัพอากาศ ระยะทางทั้งหมด 13.5 กม.โดยในส่วนที่ AOT รับผิดชอบ 7.5 กม.ส่วนกองทัพอากาศ รับผิดชอบ 6 กม.คาดว่าจะแล้วเสร็จในพ.ค.55 ส่วนค่าซ่อมแซมความเสียหายในอาคารผู้โดยสารขณะนี้อยู่ระหว่างขอค่าชดเชยตามจริงจากบมจ.ทิพยประกันภัย

นอกจากนี้ คาดว่าการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมผู้โดยสาร(PSC)สำหรับเส้นทางระหว่างประเทศอีก 100 บาท เป็น 800 บาท/คน ส่วนเส้นทางในประเทศจะขึ้นอีก 50 บาท เป็น 150 บาท/คนจะมีผลยังคับใช้ในปี 56 และคาดว่าจะรับรู้รายได้เพิ่มในงวดปี 56

ทั้งนี้ บริษัทขอปรับขึ้นตามต้นทุน โดยคณะกรรมการ ทอท.ได้อนุมัติเห็นชอบแล้วก่อนจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการการบินพลเรือน(กบร.)และเมื่อได้รับอนุมัติจะมีเวลาที่ต้องแจ้งกับสายการบินต่างๆ ในอีก 6 เดือน หรืออย่างช้าที่สุด 1 ปี กว่าจะมีผลบังคับ

*เร่งเจรจาสายการบินตปท.-โลว์คอสต์ย้ายไปดอนเมือง ลดความแออัดสุวรรณภูมิ

ความแออัดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในปัจจุบันที่ปรากฎเป็นผลจากการท่องเที่ยวของประทศไทยอยู่ในช่วงพีค หลังจบเหตุการณ์อุทกภัยเมื่อปลายปีที่แล้ว บรรดานักท่องเที่ยวพาเหรดเข้าไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากเอเชีย เช่น จีน เกาหลี ญีปุ่น แบะรัสเซียที่มีตัวเลขอันดับต้นๆ ทำตัวเลขจำนวนผู้โดยสารพุ่งไปถึง 48 ล้านคน/ปี ทั้งๆที่รองรับได้เพียง 45 ล้านคน/ปี ดังนั้นหลายฝ่ายต้องเร่งแก้ไข และหนีไม่พ้นเจ้าบ้านคือ AOT

ว่าที่ รท.อนิรุทธิ์ กล่าวว่า AOT ต้องเร่งมือลดความแออัดท่าอากาศยานสุวรรรภูมิโดยเบื้องต้นได้เพิ่มจุดตรวจคนเข้าเมืองโดยเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ ตม.เข้ามาเสริม ในช่วง 2 เดือนนี้ เริ่ม 14 มี.ค.ที่ผ่านมา โดย AOT จ่ายเพิ่ม 6 ล้านบาทในส่วนนี้ รวมถึงเพิ่มเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำการกรอกใบตรวจคนเข้าเมืองเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งเดิมมีผู้โดยสารมากตามฤดูกาลแต่ปัจจุบันมีผู้โดยสารมากตลอดเวลา อาจจะต้องพิจาจารณาทบทวนการเพิ่มเจ้าหน้าที่อีกครั้ง

ขณะเดียวกันคณะกรรมการพัฒนายุทธศาสตร์ท่าอากาศยานที่คณะกรรมการ AOT เพิ่งแต่งตั้งโดยตนเองเป็นเลขานุกการคณะกรรมการฯ ซึ่งคณะกรรมการฯจะทำหน้าที่บริหารจัดการการใช้ทรัพย์สินของทั้ง 6 ท่าอากาศยานของ AOT ให้เกิดประสิทธิภาพ โดยเรื่องเร่งด่วนขณะนี้ทำกรอบเพื่อนำไปเจรจากับสายการบินต่างประเทศและสายการบินโลว์คอสต์ให้ย้ายทำการบินมาที่ท่าอากาศยานดอนเมืองชั่วคราว คาดว่าจะมีมาตรการจูงใจนำเสนอด้วยในเรีวๆนี้

"ปริมาณจราจรทางอากาศยานดีขึ้น ทำให้เกิดความแออัดที่สุวรรณภูมิ ในขณะนี้เป้าหมายหลักที่สุวรรณภูมิที่มีขีดความสามารถ 45 ล้านคน/ปี ตอนนี้ปาเข้าไป 48 ล้านคน/ปี เพราะฉะนั้นเราต้องใข้วิธีการบริหารจัดการเป็นหลัก 3 เรื่อง 1 เรื่องการบริหารภายในเขตปฏิบัติการบิน 2.อาคารผู้โดยสาร และ 3 ช่องทางเข้าออกต่างๆ ควรทำให้มีประสิทธิภาพ โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วมในบ้านใหญ่หลังนี้ ไม่ว่าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการ แม้กระทั่งสายการบิน ในการทำอย่างไรให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกปลอดภัย"ว่าที่ รท.อนิรุทธิ์ กล่าว

ในทางกลับกันบริษัทก็มองเชิงนโยบายรัฐบาลทั้งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ก็ได้พิจารณาว่าในห้วงเวลาที่มีความแออัด ขณะนี้บริษัทจะมีการย้าย Traffic บางส่วนมาใช้ที่ดอนเมืองหรือไม่ อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ ทอท.ต้องเร่งรัดให้เกิดให้เร็วที่สุด เพื่อลดความแออัดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

แม้ว่านโยบายรัฐบาลต้องการให้สายการบินโลว์คอสต์ย้ายไปทำการบินที่ท่าอากาศยานดอนเมือง แต่ในเชิงปฏิบัติ ทอท.ต้องเจรจาหรือใช้มาตรการที่เป็นแรงจูงใจมากว่านี้ จะไม่บังคับ แต่จะขึ้นกับความสมัครใจ

"การพูดคุยกับโลว์คอสต์ เป็นเรื่องขอคณะกรรมการพัฒนายุทธศาสตร์ท่าอากาศยาน ต้องไปพูดคุยกัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสมัครใจ และขึ้นอยู่กับนโยบาย ของรัฐบาล เราคงไม่ไปบังคับ ถ้าเขาได้ประโยชน์ ก็อาจจะมา...คงต้องมีการเจรจากัน ในรายละเอียด ต้องมีอะไรจูงใจ ตอนนี้ขึ้นกับคณะกรรมการฯ เขาจะทำทุกอย่างทุกวิถึทางเพื่อลดความแออัดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้เร็วที่สุด"กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT

ว่าที่รท.อนิรุทธิ์ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันท่าอากาศยานดอนเมืองยังใช้ประโยชน์ในพื้นที่ไม่ถึง 10% โดยหลัก ๆ คือสายการบินนกแอร์ที่ใช้เป็นสนามบินหลักมีผู้โดยสาร 3 ล้านคน/ปี แต่ท่าอากาศยานดอนเมืองมีขีดรองรับได้ถึง 16 ล้านคน/ปี ถ้าสายการบินแบ่งมาใข้ที่ดอนเมืองในช่วงสั้นระหว่างที่มีงานก่อสร้างขยายเฟส 2 บนพื้นฐานความสมัครใจ ก็จะช่วยแบ่งเบาความแอดอัดของสุวรรณภูมิได้มาก

ในอีกด้านหนึ่ง AOT ได้เร่งการขยายโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 ที่จะเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 60 ล้านคน/ปี จากปัจจุบันรองรับได้ 45 ล้านคน/ปี เร่งกำหนดแล้วเสร็จในปี 59 จากเดิมกำหนดในปี 60 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดหาที่ปรึกษาโครงการหรือ PMC คาดว่าจะสรุปประมาณ เม.ย.55 หรืออย่างช้าในเดือน พ.ค.นี้

ทั้งนี้ งบประมาณที่ใช้ในโครงการดังกล่าว จำนวน 6. 2 หมื่นล้านบาท โดยเงินลงทุนสัดส่วน 72% มาจาก ทอท.และที่เหลือ 28% เป็นการกู้เงินในประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ