นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) คาดว่าในปี 55 กำไรสุทธิ จะเติบโตสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา และมีความเป็นไปได้ที่จะมีกำไรสุทธิราว 400-500 ล้านบาท ตามที่นักวิเคราะห์ประมาณการ จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 90 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาสแรกบริษัทขายหุ้น บริษัทจี-พาวเวอร์ ซอร์ซ จำกัด (GPS)จำกัด ให้กับบมจ. ผลิตไฟฟ้า (EGCO)รับรู้กำไร 140 ล้านบาทโดยแบ่งรับรู้กำไรในไตรมาส 1/55 จำนวน 115 ล้านบาท และในไตรมาส 4/55 อีก 25 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทจะรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าอีกจำนวน 205 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีกำไรประมาณ 80 ล้านบาท รวมทั้งยังมีกำไรจากการดำเนินงานธุรกิจอื่น เช่น เทรดดิ้งในและต่างประเทศ
สำหรับรายได้ปี 55 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 4,326 ล้านบาท เติบโต 63% จากปีก่อนที่รายได้ 2,668 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีงานในมือ (backlog) จำนวน 2,426 ล้านบาท รับรู้ในปีนี้ทั้งจำนวน ซึ่งยังไม่รวมโครงการที่ยื่นประมูลแล้วและเตรียมยื่นอีกกว่า 3 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท ซึ่งจะยื่นประมูลไตรมาส 2/55 และรู้ผลในไตรมาส 3/55 ,โครงการวางเคเบิลใต้น้ำที่เกาะกูด และเกาะหมาก จำนวน 1,280 ล้านบาท ซึ่งยื่นประมูลแล้วและรู้ผลในไตรมาส 4/55 ,โครงการขายอุปกรณ์ไฟฟ้าให้กับเขื่อนสิรินธร และเขื่อนจุฬาภรณ์ รวมกันเป็นเงิน 600 ล้านบาท ได้ยื่นประมูลแล้วรู้ผลในไตรมาส 2/55
นอกจากนี้ยังมีงานประมูลธุรกิจเทรดดิ้งอุปกรณ์ไฟฟ้าอีก 880 ล้านบาท แบ่งเป็นภาครัฐ 300 ล้านบาท เอกชนกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ปีนี้ทั้งหมด ขณะที่รายได้จากการเทรดดิ้งในพม่า ซึ่งบริษัทตั้งเป้า 1,250 ล้านบาท โดยปัจจุบั้นมีออเดอร์แล้ว 410 ล้านบาท
นางสาวโศภชา กล่าวว่า บริษัทยังศึกษาการลงทุนโรงไฟฟ้าในพม่า เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อรองรับโครงการทวายที่จะเกิดขึ้น และเห็นว่ามีโอกาสการลงทุนได้อีกมากในพม่า
ทั้งนี้ ในปี 55 บริษัทได้ตั้งงบลงทุน 3 -4 พันล้านบาท สำหรับโครงการโซล่าร์เพาเวอร์ 30 เมกะวัตต์ ใช้เงิน 2,300 ล้านบาท ที่เหลือ 1 พันกว่าล้านบาทจะใช้ลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลม และพลังงานอื่นๆ