(เพิ่มเติม) CHOW คาดรายได้ Q1/55 โต 2 หลัก ทั้งปีโต 20-30% เตรียมปรับขึ้นราคาQ2/55

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 27, 2012 12:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ (CHOW) คาดว่าแนวโน้มในไตรมาส 1/55 จะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ความต้องการเหล็กยังอยู่ในระดับสูง ทั้งภาครัฐและเอกชน

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมปรับขึ้นราคาขายแหล็กแท่งยาว ในไตรมาส 2/55 จากปัจจุบันขายประมาณ 20 บาท/กก. ตามต้นทุนการผลิตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น จากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในเม.ย.นี้ ทั้งนี้ ค่าแรงคิดเป็นไม่เกิน 1%ของต้นทุนโดยรวม ประกำอบกับราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นจะทำให้ค่าขนส่งและค่าไฟเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าการปรับขึ้นราคาขายจะไม่เกิน 10%

"ปัจจัยหลักที่จะทำให้ต้นทุนเพิ่มในปีนี้มีเรื่องค่าแรง ราคาน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลต่อการขนส่งและค่าไฟ แต่ที่ผ่านมาเมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้น เราก็สามารถ transfer cost ไปที่ราคาขายได้ทั้งหมด ถ้าต้นทุนเพิ่มในเดือนนี้เราจะไปปรับราคาในอีก 2-3 เดือนต่อไป ซึ่งปีนี้คาดว่จะปรับราคาได้ในไตรมาส 2" นายอนาวิล กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางเป้าหมายขยายกำลังการผลิตให้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20% จากการผลิต 280,000 - 300,000 ตัน/ปี ในปี 2554 มาเป็นประมาณ 340,000-360,000 ตัน/ปี ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงการปรับเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิต และคาดว่าจะเห็นผลชัดเจนในไตรมาส 2/2555 นี้ ซึ่งจะสะท้อนให้รายได้เติบโตไปในทิศทางเดียวกันด้วย ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ ได้วางเป้าหมายรายได้ให้เติบโต 20 — 30% จากปีก่อนที่ทำได้ 5,685.22 ล้านบาท

และคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1/55 ว่า มีทิศทางเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนได้ หลังจากประเทศไทยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัย ทำให้ความต้องการใช้เหล็กในการฟื้นฟู ซ่อมแซมโครงสร้างต่างๆ ทั้งอาคาร ที่อยู่อาศัย และสาธารณูปโภคต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับอุตสาหกรรมเหล็กยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ จึงสะท้อนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนตั้งแต่ช่วงต้นปี

"ผมยังยืนยันว่า ทิศทางอุตสาหกรรมเหล็กแท่งยาว หรือ Steel Billet ในปีนี้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากตลาดเหล็กแท่งยาวในประเทศไทยยังขาดแคลน ต้องพึ่งพาการนำเข้าอยู่ ถึงปีละกว่า 1 ล้านตัน ขณะที่กำลังการผลิตในประเทศยังไม่เพียงพอ อีกทั้ง เหตุการณ์อุทกภัยในประเทศที่ผ่านมา ส่งผลให้ความต้องการใช้เหล็กเพิ่มขึ้น จากการฟื้นฟู และซ่อมแซมโครงสร้างต่างๆ นอกจากนั้นโครงการเมกะโปรเจ็คต่างๆ ของภาครัฐ ก็ผลักดันให้ความต้องการใช้เหล็กแท่งยาวยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นด้วย" นายอนาวิล กล่าว

นอกจากนี้ เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจดังกล่าวบริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่เป็นผู้นำเข้าเหล็กแท่งยาวจากต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทฯ ต้องการเข้าไปทดแทนส่วนแบ่งทางด้านการตลาดของเหล็กนำเข้า จากความได้เปรียบทั้งเรื่องต้นทุนและความรวดเร็วในการขนส่ง และการบริหารจัดการที่ง่ายและรวดเร็วกว่า นอกจากนั้น พยายามให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นในกลุ่มลูกค้าเดิม ซึ่งล่าสุดบริษัทฯ ได้เซ็นสัญญาขายเหล็กแท่งยาวให้กับลูกค้ารายใหญ่อย่างเป็นทางการปีละประมาณ 1 แสนตัน ซึ่งถือเป็น Backlog ที่มีอยู่ในมือแน่นอน รอเพียงการส่งมอบออเดอร์เท่านั้น และหลังจากนี้จะพยายามทำสัญญาในลักษณะดังกล่าวกับลูกค้ารายอื่นเพิ่มขึ้นด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ