นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ทรินีตี้ ในเครือ บมจ.ทรีนีตี้ วัฒนา (TNITY) กล่าวว่า ในปี 55 คาดว่ารายได้รวมน่าจะสูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 640 ล้านบาท โดยรายได้หลักที่มาจากธุรกิจหลักทรัพย์จะเป็นไปตามปริมาณการซื้อขายในหุ้นไทยที่คาดว่าปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 32,000 ล้านบาท/วัน จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 29,000 ล้านบาท/วัน
สำหรับสัดส่วนรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ในปีนี้จะมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายบหลักทรัพย์(คอมมิชชั่น) 52% prop-trade 16% อนุพันธ์ 11.3% ดอกเบี้ยจากการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ 7.6% และรายได้อื่นประมาณ 12.4%
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในปีนี้ฟื้นตัวได้ดีกว่าปีก่อน บริษัทจึงเน้นธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งให้ลูกค้า โดยตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM)ปีนี้ที่ 1,500 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 1,040 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้มี AUM 1,067 ล้านบาท พร้อมทั้งตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตไชร์)ของบล.ทรินิตี้ เป็น 1.3% จากปีก่อนอยู่ที่ 1.28%
"ปีนี้เราพยายามรักษามาร์เก็ตแชร์ และเน้นการทำกำไรและสร้างผลตอบแทนให้ลูกค้า ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนลูกค้าเป็นไฮเน็ตเวิร์ค 50-60% ลูกค้าสถาบัน 12-13% รายย่อย 30-40%"นายวิศิษฐ์ กล่าว
นายวิศิษฐ์ ยังเปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ โดยจะต้องมียุทธศาสตร์ดำเนินธุรกิจร่วมกัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่มีพันธมิตรใหม่เข้ามา บริษัทก็ยังดำเนินธุรกิจได้ด้วยตนเอง เนื่องจากทั้ง 4 ธุรกิจหลักยังไปได้ด้วยดี ทั้ง prop-trade ธุรกิจโบรกเกอร์ ธุรกิจวาณิชธนกิจ และธุรกิจบริหารความมั่งคั่งให้ลูกค้า โดยงานด้านวาณิชธนกิจ ขณะนี้มีดีลบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) 2 ดีลในมือ
นายวิศิษฐ์ ประเมินว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย(SET Index)ช่วงกลางปีนี้จะขึ้นไปถึง 1,300 จุด แต่อาจเห็นการปรับฐานในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.55 แต่คงไม่มาก อาจแตะจุดต่ำสุดที่ 1,150 จุด เนื่องจาก fund flow อาจจะชะลอการลงทุนในช่วงดังกล่าว ก่อนจะกลับมาลงทุนอีกครั้งช่วง มิ.ย.55 นอกจากนี้อาจเห็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ปรับประมาณการกำไร บจ.ขึ้นอีก จากเดิม 14%