บลจ.ไอเอ็นจี ออกกองทุนไทยมิกซ์ปันผล สร้างโอกาสลงทุน-ความเสี่ยงน้อย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 27, 2012 16:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทจะเสนอขายกองทุนใหม่ให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ได้แก่ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย มิกซ์ 15/85 ปันผล ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารแห่งหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน และ/หรือเงินฝาก โดยการลงทุนในตราสารทุน จะมีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 0-15% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ อย่างไรก็ตาม สัดส่วนดังกล่าวอาจปรับเพิ่มได้อีก แต่จะเพิ่มไม่เกิน 5% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ดังนั้น การลงทุนของกองทุนในตราสารทุน โดยเฉลี่ยในรอบระยะเวลาบัญชี จะไม่เกิน 20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะเป็นการลงทุนในตราสารหนี้

“กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย มิกซ์ 15/85 ปันผล (MIX-D1585)" เป็นกองทุนที่มีการบริหารจัดการพอร์ตลงทุน โดยเน้นความมั่นคงและสะสมผลตอบแทน ซึ่งความสม่ำเสมอของผลตอบแทนจะมาจากดอกเบี้ยรับและโอกาสในการปรับเพิ่มขึ้นของราคาของตราสารหนี้ที่เข้าไปลงทุนในสัดส่วนประมาณ 85% ขณะที่โอกาสในการเติบโตของเงินลงทุน จะมาจากมูลค่าเพิ่มของหน่วยลงทุนซึ่งเกิดจากกำไร หรือเงินปันผลจากการลงทุนในหุ้น ซึ่งเป็นระดับความเสี่ยงในการลงทุนที่ไม่มากนัก

กองทุนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากการลงทุนในตราสารหนี้ในสัดส่วน 85% และแสวงหาโอกาสในการเติบโตจากการลงทุนในหุ้นในสัดส่วนประมาณ 15% ซึ่งจุดเด่นของกองทุนจะอยู่ที่การปรับพอร์ตการลงทุนหรือ Portfolio Rebalancing โดยเมื่อตราสารทุนหรือหุ้นที่กองทุนเข้าไปลงทุนมีกำไรและสัดส่วนของหุ้นพิ่มขึ้นเกินกว่า 15% ผู้จัดการกองทุนก็จะขายทำกำไร แล้วนำส่วนของกำไรกลับไปลงทุนในตราสารหนี้เพื่อสะสมผลตอบแทน และเพื่อให้สัดส่วนการลงทุนของพอร์ตกลับมาสู่ระดับการลงทุนที่กำหนดไว้ที่ 15/85 ซึ่งจะทำให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น และด้วยวิธีการนี้นอกจากจะทำให้กองทุนมีการสะสมผลตอบแทนอยู่ตลอดเวลาแล้ว ยังจะสนับสนุนให้กองทุนมีการเติบโตอย่างมั่นคงอีกด้วย

สำหรับการปรับพอร์ตลงทุน (Portfolio Rebalancing) มีเป้าหมายเพื่อปกป้องผลกำไรและจำกัดผลขาดทุนด้วยการจัดสรรการลงทุนที่ดี ภายใต้พอร์ตการลงทุนที่มีความยืดหยุ่นในการบริหารด้วยการลงทุนสไตล์ Active Management ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนการลงทุนเพื่อให้สอดคล้องกับทุกสภาวการณ์และเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว อย่างไรก็ตาม หากตลาดหุ้นอยู่ในภาวะการซื้อขายที่ผิดปกติหรือขาดเสถียรภาพ ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้น โดยการไม่ถือครองหุ้นในพอร์ตเลย และจะหันกลับมาถือครองเงินสดหรือตราสารหนี้แทน

นายจุมพล กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งประเด็นหลักมาจากเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การปรับตัวสูงขึ้นเหนือกว่าระดับ 1,200 จุด ก่อให้เกิดความกังวลว่า อาจจะมีการขายทำกำไร รวมถึงยังต้องจับตาทิศทางเงินลงทุนของต่างชาติอย่างใกล้ชิดว่าจะเปลี่ยนทิศทางหรือไม่ ซึ่งประเด็นหลักยังอยู่ที่การแก้ไขปัญหาของเศรษฐกิจยุโรป และการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย

ดังนั้น ในช่วงที่สถานการณ์การลงทุนมีความผันผวนเช่นนี้ การลงทุนในกองทุนที่เป็นการผสมผสานระหว่างตราสารทุนและตราสารหนี้ในระดับที่เหมาะนับว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากนักลงทุนจะไม่เสียโอกาสในการรับผลตอบแทนจากราคาหุ้นที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนก็ไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยงที่สูงเกินไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ