นายวาย ยัท ปาโก้ ลี Financial Controller บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปดักส์ (TUF) คาดว่าในปี 55 บริษัทจะกลับมาจ่ายได้ตามนโยบายปันผลตามปกติที่ปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ จากก่อนหน้าบริษัทมีจำกัดการจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 1.2 พันล้านบาท เนื่องจากสถานะการเงินดีขึ้น หลังจากที่บริษัทได้เพิ่มทุน 200 ล้านหุ้น คาดว่าจะได้รับเงินประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ปรับตัวลดลงเหลือ 0.8 เท่าในปีนี้ จากปีก่อนที่ D/E อยู่ที่ 1.44 เท่า
ทั้งนี้ คาดว่า บริษัทจะได้รับเงินเพิ่มทุนในปลายเดือน พ.ค. 55 ซึ่งจะนำไปชำระหนี้จากการเข้าซื้อ MW Brands ภายในครึ่งปีแรก โดยปัจจุบันมีหนี้อยู่ 3.9 หมืนล้านบาท จะทำให้มูลหนี้ลดลงเหลือประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาท
"ตอนนี้ เราเตรียมนำเงินที่ได้รับชำระหนี้ก่อน เพราะหนี้ที่เกิดจาก MW Brands มีดอกเบี้ยสูง เมื่อชำระหนี้จะช่วยประหยัดได้ปีละประมาณ 600 ล้านบาท และเมือชำระหนี้แล้วทำให้ฐานทุนเราสูงขึ้น ...และถ้าเรามีการลงทุนใหม่ เราก้จะเข้าไปกู้ใหม่"นายลี กล่าว
สำหรับแนวโน้มยอดขายในไตรมาส 1/55 ยังมีแนวโน้มเติบโตดี แม้จะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานกุ้งที่มหาชัยในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะที่บริษัทยังคงตั้งเป้ายอดขายเติบโตอย่างน้อย 15% จากปีก่อนที่มียอดขาย 3.2 พันล้านเหรียญ ขณะที่ค่าแรงที่ปรับตัวขึ้นจะไม่กระทบกับบริษัทมากนัก เพราะต้นทุนค่าแรงมีสัดส่วนไม่ถึง 10% ของต้นทุนรวม ประกอบกับบริษัทได้ลงทุนด้านเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสามารถปรับราคาขายได้
ในปีนี้บริษัทจะใช้เครือข่าย MW Brands เจาะเข้าตลาดใหม่ในยุโรป อาทิ เยอรมนี กลุ่มสแกนดิเนเวีย รัสเซีย รวมถึงกลุ่มประเทศแอฟริกาเหนือ รวมทั้งบริษัทตั้งงบงบลงทุน 3 พันล้านบาทไม่รวมการซื้อกิจการ เพื่อใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิต
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 55-57 เติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 15% โดยภายในปี 56 คาดว่าจะมียอดขายแตะ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเพิ่มเป็น 5 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 58