สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 62,077 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขายรวม 43,051ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 69.35% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 15,546 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี (LB133A LB155A และ LB176A) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 10,747 ล้านบาท หรือคิดเป็น 69% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 2,404 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP173A) หุ้นกู้ของบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK137A) และหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) (PTTC13OB) และ โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 2,120 ล้านบาท หรือคิดเป็น 88% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 4,787ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตค้าตราสารหนี้มีสถานะซื้อสุทธิ 1,352 ล้านบาท และกลุ่มของและนักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิ 2,632 ล้านบาท
วันนี้ yield curve ค่อนข้างคงที่ในทุกช่วงอายุตราสาร ยกเว้นในตราสารอายุ 20 ปี ขึ้นไปปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ด้านผลการประมูลพันธบัตรรุ่น benchmark อายุ 5 ปี ในวันนี้มี demand ค่อนข้างดีจากนักลงทุน สำหรับนักลงทุนต่างชาติยังคงมียอดขายสุทธิต่อเนื่องจากต้นสัปดาห์ โดยตลาดมองว่าบางส่วนเป็นการขายเพื่อทำกำไร และบางส่วนเป็นการ Stop Loss จากการที่ Yield ปรับขึ้นค่อนแรงในช่วงก่อนหน้านี้ วันนี้นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิเป็น NET SELL เท่ากับ 2,632 MB
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.02% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดคงที่ที่ 3.58%