ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 71.52 จุดหลังข้อมูลศก.สหรัฐซบเซา

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 29, 2012 06:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 มี.ค.) หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ.ขยายตัวได้น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่ เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงมุมมองที่ค่อนข้างเป็นลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 71.52 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 13,126.21 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 6.98 จุด หรือ 0.49% ปิดที่ 1,405.54 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 15.39 จุด หรือ 0.49% ปิดที่ 3,104.96 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนขยายตัว 2.2% ในเดือนกุมภาพันธ์ ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 3.0% ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมกราคมที่ได้รับการปรับทบทวนแล้ว ลดลง 3.6% จากเดิมที่รายงานว่าลดลง 3.7%

ขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ซึ่งมีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เมื่อไม่นับรวมยานพาหนะ มีการขยายตัว 1.6% ในเดือนกุมภาพันธ์ ต่ำกว่าที่คาดว่าจะขยายตัว 1.7% ส่วนยอดสั่งซื้อเครื่องจักรทะยาน 5.7%

ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อเบอร์นันเก้กล่าวให้สัมภาษณ์กับเอบีซี นิวส์ว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะชี้ชัดว่าสหรัฐประสบความสำเร็จในการหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืน พร้อมกับกล่าวว่าแม้ภาวะตึงเครียดด้านการเงินในยุโรปกำลังผ่อนคลายลง แต่อัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูงและตลาดที่อยู่อาศัยยังคงอ่อนแอ นอกจากนี้ เบอร์นันเก้กล่าวว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่ถ่วงการขยายตัวทางเศรษฐกิจนั้น มาจากราคาน้ำมันเบนซินซึ่งปรับตัวขึ้น อันเนื่องมาจากความวิตกทางการเมืองระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนยังเป็นอีกปัจจัยที่ถ่วงตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงด้วย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า บริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ในประเทศจีนซึ่งมีรายได้ต่อปีเกิน 20 ล้านหยวน (3.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มีกำไรรวมกันลดลง 5.2% แตะ 6.06 แสนล้านหยวน ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2555 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า บริษัทจีนโดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจ ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า เนื่องจากอุปสงค์จากต่างประเทศลดลง

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมัน WTI หลังจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิล คอร์ป ปรับตัวลง 0.9% และหุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ดิ่งลง 3.6%

หุ้นกลุ่มผู้ผลิตถ่านหินร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นอัลฟา เนเชอรัล รีซอสเซส ร่วงลง 4.2% และหุ้นเพียบอดี้ เอ็นเนอร์จี ร่วงลง 3.4%

หุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลง 2.3% หุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ ร่วงลง 3.5% อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

ส่วนหุ้นวอลท์ ดีสนีย์ ร่วงลง 1.5%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 4/2554 และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนก.พ. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนมี.ค.

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า จีดีพีสหรัฐจะขยายตัว 3.0% ในไตรมาส 4/2011 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณครั้งก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ