แหล่งข่าว บมจ.เอสวีไอ (SVI) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า หลังเกิดวิกฤติน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 54 ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตของบริษัทและยังต่อเนื่องมาจนถึงต้นปี ทำให้ในปี 55 บริษัทตั้งเป้ามียอดขายใกล้เคียงปี 54 ที่ 279 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากปัจจุบันกำลังการผลิตของบริษัทเหลือเพียง 50% จากกำลังการผลิตก่อนเกิดน้ำท่วม โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (gross margin) จะลดลงจากปีก่อนที่อยู่ระดับเลข 2 หลัก เหลือไม่ถึง 10% เนื่องจากการผลิตยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่บริษัทยังมีค่าใช้จ่ายคงที่
และจากกำลังการผลิตที่ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ จึงคาดว่ายอดขายในไตรมาส 1/55 จะยังไม่สูงมากน่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังมีผลต่อเนื่องในไตรมาส 2/55 ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ไว้ เนื่องจากน้ำท่วมที่ส่งผลกระทบต่อการผลิต ทำให้ลูกค้าของบริษัทบางราย มีการโยกออเดอร์ไปยังบริษัทคู่แข่งแต่อาจเป็นเพียงระยะสั้น และบริษัทได้วางแผนชดเชยโดยการมองหาลูกค้าใหม่ๆ และคาดว่าหลังบริษัทกลับมาผลิตได้ตามปกติ ลูกค้ารายเดิมจะกลับมา เนื่องจากบริษัทคู่แข่งซึ่งอยู่ในแถบสแกนดิเนเวีย จะมีต้นทุนค่าแรงที่สูงกว่า
"ในปีนี้บริษัทยังเห็นกำไรได้แต่อาจไม่มากนัก จากปีก่อนที่มีผลขาดทุน ซึ่งยังไม่รวมถึงเงินเคลมประกัน...ตอนนี้กำลังการผลิตเหลือเพียง 50% คาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อนเกิดน้ำท่วมได้ในช่วงครึ่งปีหลัง" แหล่งข่าว กล่าว
และในปีนี้บริษัทตั้งงบจำนวน 300 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงพื้นที่หลังน้ำท่วม และจัดซื้อเครื่องจักรใหม่บางส่วน เพื่อชดเชยเครื่องจักรเดิมที่เสียหายจากน้ำท่วม
สำหรับการทำประกันภัย บริษัทได้มีวงเงินประกันที่ 4 พันล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทประกันได้มีการทยอยจ่ายเงินบางส่วนให้บริษัทบางส่วนเพื่อใช้เป็นเงินหมุนเวียน แต่ยังไม่มีการออกหนังสือรับรองว่าเป็นเงินจากการเคลมประกันความเสียหายจากน้ำท่วม และขณะนี้บริษัทประกันยังต้องมีการตรวจสอบความเสียหายอีก ดังนั้นคาดว่า เงินเคลมประกันน่าจะมีความชัดเจนในปลายไตรมาส 2/55 ถึงไตรมาส 3/55
"ในวันนี้บริษัทประกันมีการทยอยจ่ายเงินบาส่วน แต่ยังไม่ใช่เงินเคลมประกันจนกว่าบริษัทจะมีการออกหนังสือรับรอง ซึ่งยังไม่มีการกำหนดชัดว่าจะได้เมื่อไร...เงินที่ได้มาบางส่วนก็นำไปใช้จัดซื้อเครื่องจักรใหม่ ส่วนวงเงินทำประกันของบริษัท 4 พันล้านบาท ครอบคลุมทั้งหมด แต่คงไม่ได้เต็มทั้งหมดขึ้นอยู่กับความเสียหาย" แหล่งข่าว กล่าว
อย่างไรก็ตามจากวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ในปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทยังมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ ทำให้บริษัทได้มีการเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วม โดยเครื่องจักรใหม่ที่มีเทคโนโลยีสูง บริษัทจะติดตั้งที่โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมบางกระดี่ที่ชั้น 2 ทั้งหมด รวมถึงที่ทำการสำนักงานที่เดิมอยู่ชั้น 1 ยังไม่มีการย้ายกลับที่เดิม ส่วนชั้น 1 จะติดตึ้งเครื่องจัรกขนาดเล็กที่พร้อมที่จะเคลื่อนย้ายได้ทันที ส่วนโรงงานที่แจ้งวัฒนะ จะไม่มีการขายแล้ว แต่จะจัดให้เป็นโรงงานสำรอง มีการผลิตสินค้าได้บางส่วน
ขณะที่บริเวณนิคมฯบางกระดี่ ขณะนี้ได้เริ่มจัดทำกำแพงคอนกรีต 2 ชั้น สูง 5 เมตร ล้อมรอบ แต่คาดกว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้