นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น (SAMART) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/55 รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนราว 30-50% ทั้งนี้มาจากธุรกิจคอนเทนต์ที่เติบโตดีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเริ่มรับรู้รายได้จากการวางระบบ 3G ให้กับบมจ.ทีโอที โดยคาดว่างานวางระบบ 3G ของทีโอที เฟสแรกจะแล้วเสร็จในเดือนพ.ค.-มิ.ย.นี้ ซึ่งขณะนี้ติดปัญหาความล่าช้าซึ่งเกิดจากทีโอทีไม่สามารถส่งมอบอุปกรณ์ให้กับบริษัทได้
ส่วนการประมูลงานวางระบบ 3G เฟส 2 คาดว่า ทีโอที จะเปิดประมูลปลายปีนี้ ซึ่งบริษัทก็มีความพร้อมที่จะเข้าประมูลงาน ส่วนจะร่วมกับล็อกซเล่ย์(LOXLEY) อีกหรือไม่ คงต้องรอดู TOR ที่จะออกมา
ส่วนการทำ MVNO ให้กับ ทีโอที บริษัทยังคงเดินหน้าแม้ว่าช่วงน้ำท่วมทำให้งานล่าช้า และไม่มีการทำการตลาด แต่เชื่อว่า ทีโอทีจะรีบดำเนินการ โดยเดือนเม.ย.-พ.ค. คงต้องมีความความชัดเจนในการทำการตลาดใหม่ เพื่อให้ทันกับการเปิดประมูล 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกกะเฮิร์ตซ์ ไม่อย่างนั้นจะแข่งขันลำบาก
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมยื่นข้อเสนอทำระบบ Check-in Passenger ให้บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่างาน ราว 500-1,000 ล้านบาท ซึ่งน่าจะทราบผลประมาณไตรมาส 2/55 เนื่องจากทอท.คงต้องเร่งแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าว
นายวัฒน์ชัย กล่าวถึงการลงทุนในต่างประเทศว่า บริษัทเตรียมประมูลงานวางระบบงานที่บริษัทมีความถนัดในด้านอื่นๆ ในประเทศลาว กัมพูชา และ พม่า โดยในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะเริ่มได้งาน เบื้องต้นคาดว่าจะได้งาน 5-10 ล้านเหรียญ และเชื่อว่าประเทศเหล่านี้ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก