นายอดิศร ธนนันท์นราพูล รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) กล่าวว่า บริษัทมีโอกาสจะปรับเป้ายอดขายในปี 55 เพิ่มจากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 15% หรือ 2 หมื่นล้านบาท หลังจากเห็นว่าแนวโน้มฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเร็วกว่าที่คาด โดย 2 เดือนที่ผ่านมา เติบโตดี อย่างไรก็ดี บริษัทต้องการรอดูกำลังซื้อก่อนซึ่งคาดว่าจะมีการปรับเป้าหมายใหม่เป็นช่วงครึ่งปีหลัง
"เท่าที่เราเห็นตัวเลข 2 เดือนที่ผ่านมา และ Q1/55 รายได้และกำไรน่าจะเติบโตได้ดี โดยเฉพาะยอดขายบ้านเดี่ยวที่ฟื้นตัวเร็วในเดือน ม.ค. -กพ.ซึ่งตอนที่เราตั้งไว้ ที่ 15% เป็นการตั้งแบบ Conservative ที่เรากังวลว่ากำลังซื้อยังไม่มาจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้น"นายอดิศร กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในปีนี้ ภาพรวมธุรกิจจะเติบโตโดยรายได้ปีนี้จะเติบโต 2 หลัก และโดยเฉพาะธุรกิจให้เช่า ที่คาดว่าปีนี้จะเติบโตถึง 150% หรือมากกว่า 1.5 พันล้านบาท เนื่องจากในปี 55 จะมีการรับรู้รายได้จากโครงการเทอร์มินอล 21 ได้เต็มปี และฐานปีก่อนต่ำ ซึ่งในปีนี้บริษัทมีแผนจะซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาเพื่อเช่า คาดใช้เงิน 500 ล้านบาท จากงบลงทุนธุรกิจให้เช่าทั้งหมด 880 ล้านบาท ซึ่งระหว่างนี้อยู่ระหว่างหาที่ดิน นอกเหนือจากที่ดินที่บริษัทได้เข้าร่วมประมูลที่สามย่าน
ทั้งนี้ งบดังกล่าวไม่นับรวมงบซื้อที่ดินของบริษัทใน 5 พันล้านบาท โดยในส่วนธุรกิจให้เช่ามีแผนจะเพิ่มพอร์ตธุรกิจให้เช่า จากป้จจุบันที่มีสัดส่วนรายได้ 8% ของรายได้รวม
ชณะที่บริษัทย่อย 2-3 แห่ง ได้แก่ บมจ. ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH), บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) คาดว่ารายได้ทั้งสองบริษัทปีนี้จะเติบโต 30% จากที่ปีก่อน ส่วนจะมีโอกาสลดสัดส่วนที่ถืออยู่หรือไม่ ขณะนี้ยังไม่รีบร้อน และมองว่า บริษัทที่ถืออยู่ยังสร้างผลกำไรและผลตอบแทนที่ดีอยู่ ซึ่งช่วยหนุนผลประกอบการ
ส่วนการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท/วันนั้น นายอดิศร เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อบริษัท เพราะปัจจุบันบริษัทจ่ายค่าแรงผู้ที่มีประสบการณ์ แต่สิ่งที่น่ากังวลจะเป็นเรื่องต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ที่เกิดจากความผันผวนของราคาน้ำมัน ซึ่งหากราคาน้ำมันสูงกว่าและนานกว่าปัจจุบัน น่าจะกระทบต่อราคาวัสดุก่อสร้าง