ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 366,553 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 2, 2012 16:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (26 — 30 มีนาคม 2555) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 366,553 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 73,311ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 5% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 81% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 295,214 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 57,298 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 6,414 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16% และ 2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB155A (อายุ 3.14 ปี), LB176A (อายุ 5.2 ปี)และ LB133A (อายุ 1 ปี) มีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 13,732 ล้านบาท 12,877 ล้านบาท และ 7,627 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB12417A (อายุ 14 วัน), CB12426D (อายุ 28 วัน) และ CB12410A (อายุ 14 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 72,833 ล้านบาท 32,868 ล้านบาท และ 29,503 ล้านบาท ตามลำดับ

ทางด้านหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกนั้น ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP173A (AA-)) มูลค่าการซื้อขาย 3,203 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC13OB (AAA)) มูลค่าการซื้อขาย 390 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK137A (A)) มูลค่าการซื้อขาย 353 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดทั้งเส้น หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 1 ถึง 9 Basis Point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) ซึ่งภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าเล็กน้อย ในขณะที่อัตราผลตอบแทน (Yield) ของพันธบัตรปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากความกังวลในเรื่องของปริมาณการออกพันธบัตร (Bond Supply) ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากที่กระทรวงการคลังเคยประกาศเอาไว้ ตามทิศทางของความต้องการระดมเงินจากภาครัฐ เพื่อนำไปใช้ในโครงการต่างๆ การที่ตลาดคาดว่าจะมีพันธบัตรออกใหม่ในปริมาณที่สูงขึ้น มีผลทำให้นักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุนออกไป ในขณะที่นักลงทุนอีกส่วนทยอยขายพันธบัตรรุ่นเดิม เพื่อรอซื้อพันธบัตรรุ่นใหม่ที่อาจจะให้ผลตอบแทน (ดอกเบี้ยจ่าย) ในระดับที่ดีกว่า ทั้งหมดนี้มีผลทำให้ Yield ของพันธบัตรโดยรวมขยับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย (ราคาของพันธบัตรปรับตัวลดลง)

ทางด้านสถานการณ์ในต่างประเทศ นักลงทุนมุ่งความสนใจไปยังแถลงการณ์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ระบุว่าถึงแม้สถานการณ์การจ้างงานในสหรัฐฯ จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นแล้วก็ตาม แต่ Fed ยังจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปอีก ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า Fed น่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับที่ต่ำ (0 % — 0.25%) ต่อไปเรื่อยๆอีกซักระยะหนึ่ง

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทย หลังจากที่ทำการซื้อสุทธิมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติมียอด ขายสุทธิ 399 ล้านบาทในตลาดตราสารหนี้ โดยมูลค่าการซื้อขายส่วนใหญ่ของนักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงเน้นไปในตราสารระยะสั้น (มีอายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) เป็นหลัก จึงยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดโดยรวมเท่าไรนัก ในขณะที่นักลงทุนรายย่อย ที่ถึงแม้จะมีสัดส่วนของการซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดค่อนข้างน้อย แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงมียอดซื้อสุทธิประมาณ 1,954 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ