นายไพรินทร์ ชูโชติถาวะ ปรธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า ในขณะนี้โครงการส่วนขยายของทีโอซี ไกลคอล จำกัด ในเครือบริษัท ปตท.ยังไม่สามารถเดินเครื่องได้ แม้กระบวนการรับฟังความคิดเห็นจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้มและสุขภาพ หรือ อีเอชไอเอ ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2250 มาตรา 67 วรรค 2 เสร็จสิ้นเรียบร้อย ซึ่งรายงานดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(คชก.) จะเห็นชอบแล้วก็ตาม
นายไพรินทร์ กล่าวว่า ได้ทำหนังสือถึงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) และกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อขอเดินเครื่องผลิตแต่ยังไม่ได้รับอนุมัติ โดยให้เหตุผลว่า ต้องรอศาลปกครองปลดล็อกจากการติดคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งเป็นหนึ่ง 76 โครงการที่ถูกฟ้องร้องว่าเป็นกิจการร้ายแรงในพื้นที่มาบตาพุด โดยเท่าที่ทราบขณะนี้นอกจากโครงการของทีโซีไกลคอลที่ไม่สามาถเดินเครื่องได้แล้ว ยังมีโครงการของไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ของเครือซิเมนต์ไทยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการเช่นกัน
สำหรับโรงงานผลิตเอทิลีนออกไซด์ และเอทิลีนไกลคอล(ส่วนขยาย) ของบริษัท ทีโอซี ไกลคอล จำกัด ตามแผนจะขยายกำลังการผลิตสารเอทิลีนออกไซด์ 85,000 ตันต่อปี สารโมโนเอทิลีนไกลคอล 450,160 ตันต่อปี สารไดเทิลีนไกลคอล 43,080 ตันต่อปี เงินลงทุนประมาณ 2 พันล้านบาท โดยมี บมจ.พีทีทีโกลบอลเคมิคอล(PTTGC) เป็นผู้ถือหุ้น ขณะที่โครงการเครือปูนใหญ่จะผลิตวีซีเอ็มเพิ่มจาก 480,000 ตันต่อปี เป็น 530,000 ตันต่อปี ผลิตพีวีซีเพิ่มจาก 500,000 ตันเป็น 590,000 ตัน/ปี และเป็น 1 ใน 76 โครงการที่ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับโครงการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2552 และถูกกำหนดให้เป็นประเภทโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรมชาติ และสุขภาพ ต้องจัดทำอีเอชไอเอ และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ปี 2250 มาตรา 67 วรรค 2