ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) เปิดเผยว่า ในปี 55 บริษัทตั้งเป้ากำไรสุทธิรวมราวเกือบ 400 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 60% จากปี 54 ที่มีกำไร 237 ล้านบาท โดยมุ่งสู่การเป็น “โบรกเกอร์ที่ทุกคนเลือก" ด้วยบริการและผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองนักลงทุนได้ดีที่สุดอย่างครบวงจร และตั้งเป้าภายในปี 57 จะมีกำไรสุทธิราว 605 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทฯ มีความพร้อมและได้รับการสนับสนุนความแข็งแกร่งจากธนาคารไทยพาณิชย์อย่างเต็มกำลังในการดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ที่มีการแข่งขันสูงมากในปัจจุบัน โดยตั้งเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นสู่ท็อป 3 ภายใน 3 ปี และยึดครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้มากกว่า 5% จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งการตลาด 2.99% อยู่ในอันดับที่ 15 โดยคาดว่าปีนี้จะมีส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 3.5% ด้วยกลยุทธ์ประสานความร่วมมือกับธนาคารแม่ในการจับกลุ่มลูกค้าธนบดีธนกิจที่มีความต้องการจัดพอร์ตการลงทุนด้วยตราสารทุนและอนุพันธ์ โดยจะมีทีมมาร์เก็ตติ้ง ของบริษัทฯ เข้าไปทำงานประสานกับทีมธนบดีธนกิจของธนาคาร พร้อมกับวางแผนสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ หุ้นใหม่ ให้เข้าใจง่ายและสามารถเข้าถึงกลุ่มนักลงทุนที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์การลงทุนมาก่อน ผ่านเครือข่ายสาขาธนาคารไทยพาณิชย์ที่ครอบคลุมถึง 1,100 สาขาทั่วประเทศ
และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทุกด้าน บริษัทจะลงทุนเพิ่มเติมในโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะระบบไอที ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการส่งมอบบริการที่สร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าและใช้รองรับการเชื่อมโยงจากต่างประเทศ ตลอดจนพัฒนาทีมงานจัดจำหน่ายหุ้น IPO และสนับสนุนดีลทางการเงินของกลุ่มงานวาณิชธนกิจแบงก์แม่ พร้อมๆ กับการมองหาพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศที่เหมาะสมเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ตอบโจทย์ทุกความต้องการทางด้านการลงทุนด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น โดยขณะนี้บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์ในตลาด OTC เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าสถาบันและกลุ่มลูกค้าธนบดีธนกิจ อาทิ หุ้นกู้อนุพันธ์ (Equity Linked Note) และใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant)
นอกจากนี้บริษัท ยังคงให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องในการนำเสนอข้อมูลการลงทุนผ่านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์คุณภาพ โดยมุ่งเน้นบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ทั้งทางด้านปัจจัยพื้นฐานและกลยุทธ์การลงทุน ครอบคลุมการวิเคราะห์เชิงลึกที่ถึงพร้อมด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค โดยมีแผนที่จะขยายงานวิจัยให้ครอบคลุม 130 หลักทรัพย์ 20 กลุ่มธุรกิจ ภายในปี 2557 จากปัจจุบันที่มีบทวิจัยครอบคลุม 11 กลุ่มธุรกิจ รวมถึงการวิเคราะห์กลุ่มหุ้นขนาดเล็กและขนาดกลาง ให้นักลงทุนมีทางเลือกหลากหลายมากขึ้น พร้อมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น งานวิจัยที่เน้นเฉพาะหุ้นในกลุ่มปันผล (Dividend Stock) และหุ้นในกลุ่มปัจจัยพื้นฐานดี (Value Stock) เป็นต้น
"ปีนี้เราก็มีแผนที่จะหารายได้อื่นๆที่ไม่ใช่จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น อย่างเช่น Prop trade ซึ่งปีนี้เราก็น่าจะเปิดวงเงินไว้สัก 200 ล้านบาท และถ้าได้กำไรดีก็คงจะเพิ่มวงเงินเข้าไปอีก"ม.ล.ทองมกุฎ กล่าว
สำหรับแนวโน้มอัตราค่าคอมมิชชั่นเฉลี่ยของธุรกิจหลักทรัพย์ในปีนี้น่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.10-0.15% เนื่องจากการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่น แต่ค่าคอมมิชชั่นเฉลี่ยของบริษัทปีนี้น่าจะสูงกว่าอุตสาหกรรมเล็กน้อยโดยอยู่ที่ 0.17% ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่ 0.19-0.20%
ด้านแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วง 3 ไตรมาสที่เหลือคาดว่าจะยังคงมีความผันผวน อย่างไรก็ตามคาดว่าเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติจะยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้มองดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไว้ที่ 1,300 จุด