ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนตัวลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าใหม่ของโรงงานภายในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ณ เวลา 10.31 น. ตามเวลานิวยอร์กในวันนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 14.12 จุด หรือ 0.1% แตะที่ 13,250.37 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.56 จุด หรือ 0.11% แตะที่ 1,417.48 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้น 4.79 จุด หรือ 0.15% แตะที่ 3,124.49 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันนี้ว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ของโรงงานในสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 1.3% ในเดือนก.พ. ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5%
รายงานของกระทรวงระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าทุน ซึ่งไม่นับรวมเครื่องบิน ปรับตัวขึ้น 1.7% ในเดือนก.พ. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.2% ส่วนยอดการส่งมอบสินค้าใหม่ของโรงงาน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.4%
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 0.5% โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 1.3% และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.2%
ส่วนหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลงราว 0.5% โดยหุ้นนิวมอนท์ ร่วงลง 1.8% และหุ้นทรานส์โอเชียน ปรับลง 0.6%
หุ้นเน็ทฟลิกซ์ ร่วงลง 1% หลังจากบาร์เคลย์ส ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว
นักลงทุนยังจับตาดูธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เตรียมเปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบาย การเงินเมื่อวันที่ 13 มี.ค.ในคืนนี้ตามเวลาไทย ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25 % และยืนยันว่าจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอย่างน้อยจนถึงปี 2557 โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ