นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า วันที่ 5 เม.ย.นี้ จะเสนอการขอวงเงินกู้จากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 2555 กรอบวงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3 หมื่นล้านบาท โดยจะนำเงินดังกล่าวมาใช้รีไฟแนนซ์เงินกู้เดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอน รวมทั้งใช้ในการขยายโครงการในอนาคต เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้บริษัทต้องใช้เงินสำรองเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้ออกหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2555 วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท อายุ 5 ปี กับ 15 ปี แบ่งเป็นหุ้นกู้ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนปี 60 จำนวน 2,500 ล้านบาท และหุ้นกู้ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี 70 จำนวน 7,500 ล้านบาท ซึ่งเงินดังกล่าวจะนำไปใช้เงินกู้เดิมตั้งแต่ปี 52
ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมและป้องกันการกลั่น ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด และเตรียมสรุปเพื่อเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท(บอร์ด) ปลายเดือน เม.ย.นี้ และยังไม่ได้สรุปว่าจะเลือกบริษัทใด เพราะต้องพิจารณาถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับโรงกลั่นไทยออยล์เป็นหลัก
สำหรับสถานการณ์พาราไซลีน(PX) ในช่วงไตรมาส 2/55 คาดว่าจะอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีนี้ แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่เลวร้าย ปัจจุบันอยู่ที่ 450-460 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนค่าการกลั่นน้ำมัน(GRM) ยังอยู่ในระดับต่ำที่ 2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และค่าการกลั่นรวม(GIM) อยู่ที่กว่า 5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
"ตอนนี้บริษัทยังประเมินค่อนข้างลำบาก เพราะเพิ่มเข้าช่วงไตรมาส 2 แม้ว่าภาพรวมวันนี้เรายังห่วงบริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด(TPX) เพราะมาร์จิ้นต่ำ ไม่สดใสเหมือนปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดี" นายสุรงค์ กล่าว