สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 142,753 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขายรวม 116,612 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 82% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 23,679 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 1 ปี 3 ปี และ 29 ปี (LB133A LB155A และ LB416A) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 18,462 ล้านบาท หรือคิดเป็น 78% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 1,333 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT12DA) หุ้นกู้ของบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK137A) และหุ้นกู้ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC147A) และ โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 767 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 51,872 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศซื้อสุทธิ 10,275 ล้านบาท และกลุ่มของและนักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิ 107 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ค่อนข้างคงที่ในทุกช่วงอายุของตราสาร ภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ในวันนี้ ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างคึกคักเนื่องจากผลการประมูลพันธบัตรธปท.ระยะสั้น และพันธบัตรรุ่น Benchmark อายุ 3 ปี มีอุปสงค์ (Demand) ค่อนข้างสูงจากนักลงทุนสถาบัน สำหรับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ยังไม่มีการออกมาตรการ QE3 ซึ่งตลาดคาดว่าไม่น่ามีผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.03% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดคงที่ที่ 3.65%