นายอธิคม เติบศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า ในปี 55 คาดว่ารายได้จะเติบโต 15% จากปีก่อนที่ 2.3 แสนล้านบาท ทั้งนี้เป็นการเติบโตจากรายได้โรงไฟฟ้าที่ปีนี้จะรับรู้เต็มปี รวมถึงไม่มีแผนปิดซ่อมบำรุงใหญ่เหมือนปีก่อนที่ปิดซ่อมถึง 49 วัน
อย่างไรก็ตาม ราคาผลิตภัณฑ์และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับต้นทุนวัตุถุดิบ เป็นเรื่องที่ยากจะประมาณการเพราะราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับสูงและผันผวนตามสถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังไม่เห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจน แต่ยังเชื่อว่าปีนี้ จะพยายามรักษากำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ให้อยู่ระดับ 9 พันล้านบาท
นอกจากนี้ปีนี้ บริษัทมีแผนลงทุนเพิ่มจากโครงการฟินิกซ์ ที่มีมูลค่าโครงการรวม 1.4 พันล้านเหรียญ ซึ่งปีนี้จะมีการลงทุนโครงการใหญ่ที่สุดในโครงการโพรพีลิน งบลงทุน 1 พันล้านเหรียญ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปีนี้ และจะแล้วเสร็จเปิดเชิงพาณิชย์ได้ปี 58
หลังจากโครงการโพรพิลีนแล้วเสร็จ คาดว่าบริษัทจะสามารถเดินกำลังการกลั่นได้เต็มที่ 2.1 แสนบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่มีกำลังการกลั่นยังไม่เต็มกำลังการผลิต ซึ่งการลงทุนในโครงการฟีนิกซ์ถือว่าดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยจะแล้วเสร็จทั้งโครงการในปี 57 หากทุกโครงการแล้วเสร็จ จะสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทและผู้ถือหุ้น
สำหรับโครงการต่อยอดจากโพรพิลีนคือโครงการโพลีโพธิลีนซึ่งเป็นปิโตรเคมีเกรดพิเศษ นายอธิคมกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาพันธมิตรร่วมทุน เพื่อต่อยอดด้านเทคโนโลยีให้กับบริษัท คาดว่ากลางปี 55 จะได้ข้อสรุปผู้ร่วมทุน โดยขณะนี้ ได้มีบริษัทที่มีเทคโนโลยีแสดงความสนใจมากกว่า 1 ราย ที่จะเข้าร่วมทุนกับบริษัท และยื่นข้อเสนอให้บริษัทพิจารณา ซึ่งบริษัทจะเป็นถือหุ้นใหญ่ในบริษัทร่วมทุน ทั้งนี้ โครงการนี้จะแล้วเสร็จสอดคล้องกับโครงการโพรพิลีน
สำหรับโครงการลงทุนอื่นๆ บริษัทยังคงมองการลงทุนในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม โดยมองว่า ความต้องการพื้นที่อุตสาหกรรมภาคตะวันออกเพิ่มขึ้น หลังจากเกิดอุทกภัย ซึ่งบริษัทเห็นโอกาสในจุดนี้ แต่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตดำเนินการนิคมอุตสาหกรรมที่ระยอง
ส่วนที่ดิน ใน อ.จะนะ จ.สงขลานั้น บริษัทได้เซ็นสัญญา MOU กับ บมจ.ปตท (PTT) ในการศึกษาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และคาดว่าจะมีความเป็นไปที่จะลงทุนต่อเนื่องในโครงการนี้