BANPU เผยปีนี้ไม่ได้รับผลกระทบ BLCP แต่หากต้องหยุดกระทบกำไร 10%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 5, 2012 17:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนินทร์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู(BANPU) เปิดเผยถึง กรณีที่โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีได้ทำเรื่องมาถึงการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เพื่อขอแก้ไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) หลังผู้จัดหาถ่านหินของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีขอเจรจาเพิ่มราคาขายถ่านหินที่ทำสัญญาไว้ก่อนหน้าว่า ในปีนี้โรงไฟฟ้า BLCP จะยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เพราะผู้จัดหาถ่านหินรายใหญ่ดังกล่าวได้ทำสัญญาส่งมอบถ่านครบทั้งหมดแล้วในปีนี้ แต่หากกรณีที่ผู้จัดหาถ่านรายดังกล่าวหยุดส่งถ่านหินให้บีแอลซีพีก็จำเป็นต้องหยุดดำเนินการ ซึ่งหาก BLCP หยุดดำเนินการจะมีผลกระทบต่อกำไรของ BANPU กว่า 10% อย่างไรก็ตาม ก็อยากเสนอแนวทางเพื่อความเป็นธรรมโดยให้แต่งตั้งผู้สอบบัญชีไปตรวจสอบต้นทุนที่แท้จริงจากเหมืองจนถึงลงเรือว่าเป็นเท่าไร

"โรงไฟฟ้า BLCP ปีนี้มีของครบทั้งหมดแล้ว ปีนี้ไม่มีปัญหา เพราะถ้าหยุดส่งของให้ก็ถือว่าผิดสัญญา" นายชนินทร์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทางผู้จัดหาถ่านหินรายนี้ได้เข้ามาเจรจากับกฟผ.โดยเจรจาขอเพิ่มราคาถ่านหินเป็นราว 90 เหรียญฯ/ตัน เพื่อให้ cover ต้นทุนและมีกำไรได้บ้าง จากในสัญญาเดิมกำหนดที่ 50 กว่าเหรียญฯ/ตัน ซึ่งราคา 50 เหรียญฯนี้เทียบแล้วต่ำกว่าต้นทุนและต่ำกว่าราคาตลาด ซึ่งเรื่องนี้คงต้องให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)พิจารณาและเสนอไปถึงคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)

ส่วนกรณีที่ BLCP จะไปซื้อถ่านหินจากรายอื่นได้หรือไม่นั้น นายชนินทร์กล่าวว่า ถ้าเราจะต้องไปซื้อจากเจ้าอื่นก็ต้องซื้อที่ราคากว่า 100 เหรียญฯ เพราะราคาตลาดตอนนี้อยู่แถว 109-110 เหรียญฯ แต่ถ้าเจรจากับผู้จัดหารายเดิมนี้ได้แล้วตกลงกันได้ก็ยังจะดำเนินกิจการไปได้อีกเกือบ 20 ปี ต้นทุนก็ต่ำกว่าระบบก็ไม่มีปัญหา ปัจจุบันผู้จัดหาถ่านหินรายนี้ส่งถ่านให้ 3.6 ล้านตันต่อปี ยังต้องส่งถ่านหินให้ BLCP อีกเกือบ 20 ปี แต่ถ้าต้องหยุดส่งความเสียหายต่อส่วนรวมเยอะเพราะเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่

อนึ่ง โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เป็นการร่วมทุนในสัดส่วนร้อยละ 50 ระหว่าง บมจ.บ้านปู (BANPU) และบมจ. ผลิตไฟฟ้า (EGCO) มีกำลังการผลิต 1,434 เมกะวัตต์

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าอินโดฯจะเก็บภาษีส่งออกถ่านหิน นายชนินทร์ กล่าวว่า ทางการอินโดหรือกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ซึ่งเป็นเจ้าของหน่วยงานนี้ออกมาบอกแล้วว่า ไม่มีเรียกเก็บใดๆ ข่าวที่ออกมาเป็นเพียงเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมของอินโดฯรายหนึ่งออกมาพูด

มองแนวโน้มราคาถ่านหินในครึ่งปีหลังน่าจะแข็งแรงกว่าปัจจุบันที่แถว 109-110 เหรียญฯ/ตัน ซึ่งถือว่าอ่อนลงมาจาก 120 เหรียญฯ ก่อนหน้านี้ ที่มองครึ่งหลังราคาน่าจะดีเพราะจีนเริ่มกลับมาซื้อแล้วโดยดีมานด์เริ่มเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 2 นี้ และการผลิตต่างๆจะเกิดขึ้นในครึ่งปีหลังเยอะ

"ครึ่งปีแรกอาจซื้อถ่านหินน้อยกว่าปกติเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ราคา 100 เหรียญฯยังอยู่ได้"นายชนินทร์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ