นายเมธี ครองแก้ว ประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนสอบข้อเท็จจริง กรณีการทำสัญญาโครงการ 3G HSPA ระหว่าง บมจ.กสท โทรคมนาคม และบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) กล่าวว่า คณะอนุฯไต่สวนได้สรุปผลการสอบสวนสัญญาดังกล่าวแล้ว ตามที่เจ้าพนักงานได้รวบรวมเอกสาร ประเด็นการพิจารณา ซึ่งผลสรุปออกแล้วมา ในชั้นของคณะอนุฯไต่สวน ได้ลงมติเลื่อนการชี้ขาดสัญญาออกไปเป็นวันที่ 23 เม.ย.นี้
เนื่องจาก กรรมการบางส่วนต้องการขอเวลาราว 2 สัปดาห์ เพื่อศึกษารายละเอียดในตัวสัญญาดังกล่าวอีกครั้ง เพราะยังมีประเด็นในด้านกฎหมาย และการทำสัญญาว่าขัดต่อพ.ร.บ.ว่าด้วยการอนุญาตให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) หรือไม่
นายเมธี กล่าวว่า ประเด็นที่ต้องศึกษาเพิ่มเติม คือ ขอความเห็นจากกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับกฎระเบียบของโครงการว่าดำเนินงานตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯหรือไม่ และตามกฎหมายดังกล่าวมีหลักเกณฑ์อะไรบ้าง นอกจากนี้ ยังต้องขอให้คณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ส่งรายละเอียดสัญญาว่าเป็นไปตามพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่กำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการวิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมพ.ศ.2553 (พ.ร.บ.กสทช.) และนำผลสรุปสัญญาจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ไอซีที) มาประกอบการพิจารณา ซึ่งจนถึงขณะนี้ คณะอนุฯไต่สวน ยังไม่รับเอกสารอย่างเป็นทางการจากไอซีที เกี่ยวผลสรุปสัญญาที่พบว่ามีพิรุธ 5 ข้อ
"กรรมการเสียงแตกก็ไม่เชิง แต่ก็มีบางคนเห็นว่าสัญญาถูก บางคนเห็นว่าผิด และบางคนเห็นว่าควรต้องดูในรายละเอียดเพิ่มเติม ดังนั้น กรรมการจึงได้ข้อยุติว่า จะเลื่อนการพิจารณาชี้ขาดออกไปเป็นวันที่ 23 เม.ย.นี้"นายเมธีกล่าว
นายเมธี กล่าวว่า ประเด็นการพิจารณาที่คณะอนุฯไต่สวนพิจารณาหลักๆ มี 3 ประเด็น คือ 1.การใช้คลื่นความถี่ในย่าน 850 เมกะเฮิรตซ์ของทรูมูฟ เอช ในกสทเป็นไปถูกตามพ.ร.บ.กสทช.หรือไม่ 2.กรณีที่การทำสัญญา 3จีกสท-ทรูฯอายุ 14.5 ปีนี้ โดยไม่มีการประมูลคลื่นความถี่ซึ่งเป็นสมบัติชาติ เป็นไปถูกต้องหรือไม่ และ 3.การทำสัญญาขัดต่อพ.ร.บ.ร่วมทุนฯหรือไม่ ซึ่งทั้ง 3 ประเด็น จะมีการพิจารณาความผิดของเจ้าพนักงานรัฐรายบุคคล