ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 342,566 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 10, 2012 08:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (2 — 5 เมษายน 2555) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 342,566 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 85,641 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 17% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 82% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 279,229 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 52,144 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 4,815 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB155A (อายุ 3.14 ปี), LB133A (อายุ 1 ปี) และ LB176A (อายุ 5.2 ปี) มีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 22,638 ล้านบาท 5,967 ล้านบาท และ 4,169 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB12424A (อายุ 14 วัน), CB12705A (อายุ 91 วัน) และ CB12503D (อายุ 28 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 89,046 ล้านบาท 31,470 ล้านบาท และ 29,421 ล้านบาท ตามลำดับ

ทางด้านหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกนั้น ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI243A (A+)) มูลค่าการซื้อขาย 1,003 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT12DA (AAA)) มูลค่าการซื้อขาย 420 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW194A (A)) มูลค่าการซื้อขาย 419 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตลอดทั้งเส้น หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 2 ถึง 4 Basis Point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) ซึ่งภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังถือว่าไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามามีผลต่อตลาดมากนัก ประกอบกับเริ่มเข้าสู่ช่วงเทศกาลและวันหยุดต่อเนื่อง นักลงทุนบางส่วนจึงเริ่มชะลอการลงทุน แต่อย่างไรก็ตาม การที่มูลค่าการซื้อขายปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า และอัตราผลตอบแทน (Yield) ของพันธบัตรที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน เป็นผลมาจากแรงขายในพันธบัตรรุ่นเดิมที่นักลงทุนถืออยู่ เพื่อรอกลับเข้าซื้อพันธบัตรรุ่น Benchmark ที่กำลังจะเปิดให้มีการประมูลในสัปดาห์นี้

ทางด้านสถานการณ์ในต่างประเทศ หลังจากที่มีการเผยแพร่รายงานการประชุมของคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่ไม่ได้มีการกล่าวถึงมาตรการใหม่ๆเพิ่มเติมในการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่นักลงทุนเคยคาดการณ์ไว้ ได้ส่งผลเชิงลบต่อจิตวิทยาในการลงทุน โดยจะเห็นได้จากการปรับตัวลดลงของดัชนีหลักทรัพย์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ในขณะที่สถานการณ์ของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) ได้เริ่มกลับมามีความกังวลเพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่าประเทศสเปนจะสามารถปรับตัวเลขการขาดดุลงบประมาณของตนเองให้ลดลงได้หรือไม่ ความกังวลดังกล่าวได้สะท้อนไปสู่ผลของการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสเปน ที่มีนักลงทุนสนใจเข้าประมูลค่อนข้างน้อย และมีผลทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสเปนปรับตัวเพิ่มขึ้น (ราคาลดลง)

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ไทยอีกครั้ง หลังจากที่มียอดขายสุทธิเล็กน้อยในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติมียอด ซื้อสุทธิ 7,130 ล้านบาทในตลาดตราสารหนี้ และเป็นที่น่าสังเกตว่า ในมูลค่าการซื้อสุทธิทั้งหมดนี้ เป็นการซื้อในตราสารระยะยาว (มีอายุคงเหลือมากกว่า 1 ปี) กว่า 5,800 ล้านบาท ต่างจากการซื้อสุทธิในช่วงที่ผ่านมา ที่จะเน้นไปในตราสารระยะสั้น (มีอายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) เป็นหลัก จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปว่าจะมีผลต่อตลาดตราสารหนี้ไทยในสัปดาห์ถัดๆ ไปอย่างไร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ