นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/55 รายได้ของบริษัทน่าจะออกมาดีตามทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นจากราคาเฉลี่ยที่บริษัทประมาณการไว้ แต่ในส่วนของกำไรยังคงยากที่จะประเมิน เพราะธุรกิจปิโตรเคมี สเปรดมาร์จิ้นแคบลงกว่าไตรมาส 1/54 ซึ่งเป็นไปตามราคาผลิตภัณฑ์และราคาพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนทั้งปียังไม่สามารถประมาณการผลการดำเนินงานได้ในตอนนี้คงต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงสถานการณ์ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีด้วย
ขณะที่นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT กล่าวว่า PTT ยังคงเดินหน้าลงทุนในธุรกิจถ่านหินเพิ่มเติม เนื่องจากพลังงานในโลกในส่วนของน้ำมันและก๊าซปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ถ่านหินมีปริมาณสำรองในโลกสูงกว่าพลังงานอื่นๆ แต่จะเห็นดีลเมื่อไหร่คงต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์และการเจรจา
ด้านสถานการณ์ราคาพลังงานในปีนี้คาดว่าจะมีความผันผวนสูงตามสถานการณ์โลก ทั้งจากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นในประเทศญี่ปุ่น หลังได้มีการหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซึ่งจะทำให้มีการใช้ก๊าซในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ในประเทศจีนก็คาดว่าจะมีความต้องการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน
สำหรับเรื่องการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ในการลงทุนในประเทศอียิปต์เมื่อปี 54 จำนวน 5.8 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัท EMG ซึ่งดำเนินธุรกิจท่อก๊าซที่ประเทศอียิปต์ ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 25% ได้ประสบปัญหาหยุดส่งก๊าซหลังเกิดปัญหาความไม่สงบในประเทศ ทั้งนี้บริษัทยังเหลือการตั้งการด้อยค่าสินทรัพย์อีกราว 7 พันล้านบาท แต่หากมีการเจรจาไกล่เกลี่ยและหาข้อยุติได้ก็ไม่จำเป็นต้องตั้งด้อยค่าเพิ่มเติม รวมถึงสามารถบันทึกบัญชีกลับมาได้
"การบันทึกด้อยค่าโครงการในอียีปต์เราสามารถ reverse กลับมาได้ หากรัฐบาลอียิปต์แก้ปัญหาในประเทศได้ แต่ตอนนี้ผู้ถือหุ้นใหญ่โครงการนี้ก็พยายามหาทางออก โดยกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะนำท่อก๊าซมาใช้ประโยชน์ด้านอื่นได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามก็หวังว่าปีนี้ปัญหาความไม่สงบในอียิปต์ก็น่าจะคลี่คลายได้ ก็อยากให้มีความเข้าใจกันระหว่างประเทศเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต"นายไพรินทร์ กล่าว