ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกศก.โลกชะลอตัว ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 213.66 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 11, 2012 06:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (10 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากสหรัฐและจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมี.ค.ของสหรัฐที่ขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสเปนและอิตาลีปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งข่าวที่ว่าธนาคารพาณิชย์หลายแห่งของสเปนอาจจะต้องระดมทุนเพิ่ม

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 213.66 จุด หรือ 1.65% ปิดที่ 12,715.93 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 23.61 จุด หรือ 1.71% ปิดที่ 1,358.59 จุด และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 55.86 จุด หรือ 1.83% ปิดที่ 2,991.22 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 200 จุด เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากมีข้อมูลในด้านลบออกมาหลายระลอก รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเพียง 120,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 203,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 3 เดือนก่อนที่ 246,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานขยับลงเล็กน้อยสู่ระดับ 8.2% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่เดือนม.ค.2552

ขณะที่สมาพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจขนาดเล็กของสหรัฐร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 92.5 จุดในเดือนมี.ค. จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 94.3 จุด เนื่องจากภาคธุรกิจมีมุมมองที่เป็นลบมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศ

ในฝั่งประเทศจีนนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนรายงานว่า จีนมียอดเกินดุลการค้ามูลค่าสูงถึง 5.35 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าจีนซึ่งมีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกอาจจะเผชิญกับการชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อมีรายงานว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสเปนและอิตาลีปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่นายเฟอร์นานเดซ ออร์โดเนซ ผู้ว่าการธนาคารกลางสเปนเตือนว่า อาจมีธนาคารหลายแห่งของสเปนที่จะต้องระดมทุนเพิ่ม ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้จุดปะทุให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป

ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร KBW Bank ดิ่งลง 2.3% โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 4.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในบรรดาหุ้นกลุ่มธนาคารที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์

หุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ ร่วงลง 3% ขณะที่หุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลง 2.9% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาสแรกปีนี้ที่ 10 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดว่าจะขาดทุน 4 เซนต์ต่อหุ้น

หุ้นเบสท์บาย ดิ่งลง 5.9% หลังจากนายไบรอัน ดูนน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทเบสท์บาย โค ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกสินค้าอิเล็คทรอนิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ โดยแต่งตั้งนายจี. ไมค์ ไมคาน สมาชิกบอร์ดผู้บริหารดำรงตำแหน่งแทนชั่วคราว

นักลงทุนจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทหลายแห่งของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และธนาคารเวลส์ ฟาร์โก

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนมี.ค., กระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนมี.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.พ. , กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ส่วนวันศุกร์กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ