นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป (CWT) เปิดเผยว่า ในเดือนก.ค.นี้ สมาคมชิ้นส่วนยานยนต์ไทย และผู้ประกอบการธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ไทยประมาณ 10-20 ราย รวมถึง CWT เตรียมเดินทางไปประเทศอินโดนีเซีย เพื่อพบกับสมาคมชิ้นส่วนรถยนต์ของประเทศอินโดนีเซียเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทางธุรกิจ และเยี่ยมเยือนลูกค้าในประเทศอินโดนีเซีย อีกทั้งถือโอกาสศึกษาช่องทางการตลาดในตัวด้วย
ทั้งนี้มองว่าประเทศอินโดนีเซียนับเป็นตลาดยานยนต์ที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ประกอบการไทย เนื่องจากตลาดมีการคาดการณ์ว่าจะมีเพียงแค่ประเทศไทยและอินโดนีเซียเท่านั้นที่มีความเหมาะสมในการเป็นฐานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน นอกจากนี้แล้วกฎหมายการลงทุนของต่างชาติในประเทศอินโดนีเซียกำลังเปิดกว้างรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC )ในปี 2558 ซึ่งต่างชาติมีโอกาสที่จะถือหุ้นในบริษัทท้องถิ่นได้เกินกว่า 51%
"อินโดนีเซียมีการผลิตรถยนต์ต่อปีเพียง 1 ล้านคันน้อยกว่าไทย แต่ตอนนี้กำลังเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อรถยนต์สูงกว่าไทยไปแล้ว เพราะประชากรในประเทศอินโดนีเซียมีเยอะกว่าเรามากตั้ง 200 ล้านคน ขณะที่ประเทศรอบบ้านเราหรือกลุ่ม CLMV ซึ่งประกอบด้วย กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม ยังไม่มีความพร้อมจะเป็นผู้ผลิต เราจึงสนใจที่จะมาศึกษาหาลู่ทางที่จะลงทุนตั้งไลน์การผลิตที่อินโดนีเซีย เพราะถ้าเรายังได้ออเดอร์จากค่ายรถยนต์ในไทย ในประเทศอินโดนีเซียเราก็มีโอกาสได้เช่นเดียวกัน" นายวีระพลกล่าว
นอกจากนี้ การเดินทางไปประเทศอินโดนีเซียครั้งนี้นับเป็นโอกาสที่ดีในการศึกษาตลาดเบาะหนังสำหรับรถยนต์ ทั้งการศึกษาความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการท้องถิ่น รวมถึงปริมาณความต้องการใช้หากมีปริมาณที่สูงพอก็มีโอกาสที่จะไปตั้งไลน์การผลิตได้ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังใช้โอกาสนี้ศึกษาลู่ทางในการขยายฐานลูกค้า และเพิ่มออเดอร์ผลิตภัณฑ์อื่นนอกจากเบาะหนังด้วย อาทิ เบาะผ้าสำหรับรถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ ที่ร่วมลงทุนกับ Toyo Bussan Co., Ltd. พันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น
สำหรับกรณีค่ายรถยนต์ฮอนด้าได้เพิ่มไลน์การผลิตรถรุ่นเล็กหรือบริโอ้ ในประเทศอินโดนีเซีย นายวีระพล กล่าวว่า เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อออเดอร์เบาะหนังสำหรับรถยนต์ของ CWT ซึ่งได้รับคำสั่งซื้อจากบริษัทลูกของฮอนด้าในประเทศไทย มูลค่ารวมประมาณ 50 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตเบาะหนังให้กับรถยนต์ใหญ่ ได้แก่ รุ่นซีอาร์วีและซีวิค เป็นต้น
"รถรุ่นเล็กอย่างบริโอ้ จะใช้เบาะผ้าทั้งหมด ซึ่งไม่เกี่ยวกับออเดอร์เบาะหนังในประเทศของเราอยู่แล้ว ขณะเดียวกันเรากลับมองเป็นโอกาสที่ดี เพราะหากโรงงานใหม่ที่อินโดนีเซียของฮอนด้าสร้างเสร็จในอีกสองปีข้างหน้า ในอนาคตบริษัทฯก็มีโอกาสได้ออเดอร์เบาะผ้าเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้อินโดนีเซียยังมีฐานการผลิตของค่ายรถไดฮัทสุ และซูซุกิ ซึ่งเป็นฐานที่ใหญ่กว่าที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งจุดนี้ก็เป็นโอกาสที่บริษัทจะเข้าไปนำเสนองานด้วยเช่นกัน"นายวีระพลกล่าว