ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 89.46 จุดขานรับผลประกอบการเอกชน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 12, 2012 06:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทหลายแห่ง รวมถึงบริษัทอัลโค อิงค์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลในด้านบวกจากรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Beige Book

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 89.46 จุด หรือ 0.70% ปิดที่ 12,805.39 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 10.12 จุด หรือ 0.745 ปิดที่ 1,368.71 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 25.24 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 3.016.46 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงลงติดต่อกันในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมา โดยตลาดได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทหลายแห่ง รวมถึงอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตแร่อลูมินั่มรายใหญ่ระดับโลกที่เปิดเผยว่าบริษัทมีกำไรไตรมาสแรก 10 เซนต์ต่อหุ้น ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดว่าจะขาดทุน 4 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นอัลโคพุ่งขึ้นกว่า 6%

หุ้นกลุ่มการเงินทะยานขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้นกว่า 3% หลังจากนักวิเคราะห์ของ Guggenheim ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ขึ้นสู่ระดับ "buy" จากระดับ "neutral" ขณะที่หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ และหุ้นเจพี มอร์แกน ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 2.4%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนมากขึ้นเมื่อรายงาน Beige Book ของเฟดระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวปานกลางตั้งแต่ช่วงเดือนก.พ.-มี.ค. รวมทั้งรายงานที่ว่า อัตราผลตอบแทนพันะบัตรของรัฐบาลสเปนและอิตาลีปรับตัวลดลงในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย และเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณว่าอีซีบีจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรเพื่อให้ความช่วยเหลือประเทศยูโรโซนที่ประสบปัญหาหนี้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรปและแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ราคานำเข้าขยายตัว 1.3% ในเดือนมีนาคม ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2554 เนื่องจากต้นทุนปิโตรเลียมสูงขึ้นอย่างมาก ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ราคานำเข้าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.8% และหากไม่นับรวมต้นทุนปิโตรเลียม ราคานำเข้าโดยรวมในเดือนมีนาคมจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3%

ผลประกอบการที่ดีเกินคาดของอัลโค อิงค์ ทำให้นักลงทุนจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทอื่นๆอย่างใกล้ชิด รวมถึงผลประกอบการไตรมาสแรกของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ด้วย

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.พ. , กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ส่วนวันศุกร์กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ