นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยว่า ที่ประชุมมีมติเปิดเสรีตลาดทุนตามแผน และไม่มีแผนไม่แปรรูปตลาดหลักทรัพย์
ส่วนแนวทางภาษีที่เกี่ยวข้องตลาดหุ้นคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนพ.ค. ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีในเดือนมิ.ย.
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยครั้งแรก ภายใต้โครงสร้างใหม่ที่มีตัวแทนจากหัวหน้าส่วนราชการ สมาคมที่เกี่ยวข้องด้านตลาดทุน ผู้กำกับดูแลธุรกิจ ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย โดยที่ประชุมมีมติที่จะไม่แปรรูปตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และร่างคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่กระทรวงการคลังจะขอรับคืนจากคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อขอแก้ไขในเรื่องนี้
โดยที่ประชุมเห็นว่าไม่จำเป็นจะต้องมีการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ก่อตั้งตาม พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ปี 2517 ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่เคยอยู่ภายใต้การครอบงำของโบรกเกอร์ หรือนายหน้า มีฐานะที่เข้มแข็ง และรัฐบาลยอมรับในในสถานะนิติบุคคลอิสระ ที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ทำให้ช่วงที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์สามารถนำรายได้มาใช้ในการพัฒนาตลาดทุนให้เข้มแข็งอย่างต่อเนื่องและหวังว่าจะทำหน้าที่นี้ต่อไป
"เรามีหน่วยงานกำกับตลาดหุ้น โดย ก.ล.ต. มีการทำงานร่วมกันในพัฒนาธุรกิจตลาดทุน โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มผู้ที่เกี่ยวข้องที่เป็นผู้ถือหุ้น แต่ให้เป็นผู้ถือหุ้นโดยรัฐบาลต่อไป" นายกิตติรัตน์ กล่าว
นอกจากนี้คณะกรรมการได้พิจารณาถึงภาษีที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน โดยกระทรวงการคลัง และกรมสรรพากรได้มีการพิจารณาร่วมกัน เพื่อการตัดสินใจอย่างรอบคอบ ภายในเดือน พ.ค.เพื่อให้ได้ข้อสรุปในระดับคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย ก่อนเสนอที่ประชุม ครม.ในเดือน มิ.ย.55
ด้านนายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยได้พิจารณาทบทวนการเปิดเสรีตลาดทุนไทยและมีมติให้เดินหน้าตามแผน ทั้งเรื่องการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ โดยจะไม่มีการกำหนดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ แต่ให้มีการแข่งขันได้อย่างเสรีตามกลไกตลาด รวมถึงการเปิดเสรีใบอนุญาตโบรกเกอร์ ที่เปิดรับโบรกเกอร์ทั้งในและต่างประเทศที่มีความพร้อมสามารถยื่นขอใบอนุญาตได้ เนื่องจากมีข้อกำหนด กฎเกณฑ์และมาตรฐานการพิจารณาที่มาเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ
ส่วนการพิจารณาด้านภาษีที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนไทย เพื่อลดอุปสรรคการดำเนินธุรกิจ โดยเป็นการเสนอการยกเว้นเก็บภาษีเงินปันผล ภาษี capital gain ภาษีการควบรวมกิจการ เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ จึงควรดำเนินการให้เกิดความสมดุลของระบบภาษีทั้งหมด และการที่ไทยกำลังเข้าสู่สังคมที่มีการแข่งขันมากขึ้น จึงไม่ควรมีระบบภาษีที่เป็นอุปสรรคต่อการแข่งขัน เพราะในต่างประเทศ ทั้ง ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย มีอัตราภาษีเป็น 0%
ด้านนายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ในที่ประชุมได้มีการทบทวนแผนและการจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินการ เห็นว่า เรื่องที่เร่งทำมี 3 เรื่อง ได้แก่ 1)การสนับสนุนการควบรวมกิจการ โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อสร้างการเติบโตและความแข็งแกร่ง ซึ่งในเรื่องดังกล่าวจะมีการแก้ไขกฤษฎีกาให้รองรับ และจะเร่งผลักดันโดยเร็ว อีกทั้งยังเป็นการเร่งสร้างความสามารถเพื่อการแข่งขันของประเทศ
2) เรื่องภาษีโดยรวมที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน และ 3) การให้ความรู้พื้นฐานด้านการเงินแก่ประชาชน ทั้ง 3 เรื่องดังกล่าว กระทรวงการคลังได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละเรื่อง เข้าไปดูข้อมูลเชิงลึก และเร่งผลักดันให้เกิดโดยเร็ว
"การประชุมครั้งนี้เป็นครั้งแรกของสภาธุรกิจตลาดทุน มีการนั่งคุยทบทวนแผนในอดีต และการจัดอันดับความสำคัญก่อนหลัง เรื่องการควบรวมถือเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนโดยตรงที่จะต้องทำเพื่อสร้างความเติบโตและความแข็งเกร่งให้กับบจ. ซึ่งประเทศอื่นมีกฎหมายรองรับในการทำธุรกรรม M&A "นายจรัมพร กล่าว