PRG ตั้งเป้ารายได้ปี 55 มาที่ 2.4 พันลบ.ใกล้เคียงปีก่อน เน้นตลาดในปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 12, 2012 16:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมเกียรติ มรรคยาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปทุมไรซ์มิล แอนด์ แกรนารี (PRG)ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวบรรจุถุงตรา"มาบุญครอง" เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าปี 55 ที่ 2.4 พันล้านบาท ใกล้เคียงปี 54 โดยคาดว่าตลาดในประเทศจะเติบโตราว 25%จากปีก่อน เนื่องจากในปีนี้ บริษัทจะมีการขยายกำลังการผลิต เพิ่มเป็น 500 ตันต่อวัน จากปีก่อนอยู่ที่ 300 ตันต่อวัน หลังบริษัทเตรียมใช้งบลงทุน 60 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตที่อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา รวมทั้งขยายคลังสินค้าอีก 40 ล้านบาท

ในปีนี้บริษัทมีแผนจะกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั้งประเทศ โดยตั้งเป้าเพิ่มเอเย่นต์ให้ครอบคลุมทุกอำเภอ และในไตรมาส 2/55 บริษัทจะปรับเปลี่ยนถุงบรรจุข้าวถุงมาบุญครอง เพื่อแสดงความผูกผันที่มีต่อผู้บริโภค พร้อมตั้งงบการตลาดและส่งเสริมการขายในปีนี้ไว้จำนวน 150-200 ล้านบาท

และปีนี้จะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว อาทิ เช่น ขนมขบเคี้ยว ผงชงดื่ม ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายของผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ 5% ของรายได้ในประเทศ โดย 95% มาจากการจำหน่ายข้าวบรรจุถุง

ขณะที่ สัดส่วนยอดขายต่างประเทศจะลดเหลือ 20-25% จากปีก่อนอยู่ที่ 40% ปัจจุบันตลาดหลัก ได้แก่ ยุโรป สหรัฐ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเอเชีย ตะวันออกกลาง เป็นต้น

สาเหตุที่ตลาดส่งออกของบริษัทปีนี้เติบโตลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ทำให้ราคาส่งออกของไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่ง ประกอบกับอินเดียกลับมาเป็นผู้ส่งออกข้าวอีกครั้ง

"ปีนี้ เราจะมีกำลังการผลิตเพิ่ม จะทำให้ตลาดในประเทศโตไม่ต่ำกว่าปีละ 25% ไปอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเฉลี่ย 3 ปีที่ผ่านมาเราก็เติบโตเฉลี่ยปีละ 20% แต่ยอมรับว่าตลาดต่างประเทศจะลดลง จาก 2 ปีที่ผ่านมาเติบโตปีละ 80 - 100%" นายสมเกียรติ กล่าวหลังการประชุมผู้ถือหุ้น PRG วันนี้

ปัจจุบัน บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดประเทศอยู่ 1 ใน 3 อันดับแรก (Top 3) หรือมีส่วนแบ่งประมาณ 7-8% ของตลาดข้าวถุงในประเทศที่มีมูลค่ารวมประมาณ 2-2.5 หมื่นล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 10%

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ บริษัทมีแผนขยายตลาดต่างประเทศใหม่ๆ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 58 โดยขณะนี้ บริษัทได้จัดตั้งสำนักงานตัวแทนจัดจำหน่ายในแถบจังหวัดชายแดนทางใต้ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากเห็นว่าตลาดอาเซียนเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ซึ่งปัจจุบันราคาข้าวที่ประเทศเพื่อนบ้านบริโภค มีราคาใกล้เคียงกับราคาข้าวในไทย แต่คุณภาพต่ำกว่า จึงเห็นว่าน่าจะเป็นโอกาสเข้าไปทำตลาด และเห็นว่าหลัง AEC มีผลในปี 58 แต่ละประเทศจะลดการเก็บภาษีนำเข้า ต่ำกว่า 5% จากปัจจุบันแต่ละประเทศเก็บภาษีสูงและไม่เท่ากัน ได้แก่ เวียดนาม และกัมพูชา เก็บภาษีนำเข้า 30-50% รวมทั้ง บริษัทมีแผนจะนำแบรนด์ "MBK Rice"เข้าไปตลาดอาเซียน

ส่วนการปรับขึ้นค่าแรง และต้นทุนพลังงานสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานของบริษัท เพิ่มขึ้นไม่เกิน 2%

สำหรับความคืบหน้าขายโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากแกลบ ที่จ.ปทุมธานี ราคาที่ 125 ล้านบาท หลังจากหยุดดำเนินการไปหลายปีแล้ว นั้น ขณะนี้มีผู้สนใจหลายราย ซึ่งน่าจะปิดการขายได้ปีนี้

ส่วนการแก้ไขปัญหาฟรีโฟลตหุ้นของบริษัทปัจจุบันอยู่ที่ 5% ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ที่ 15% นายสมเกียรติ กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กบผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ บมจ. เอ็ม บี เค (MBK) ซึ่งถือหุ้นอยู่ 74.52% โดยตนยอมรับว่า ตลาดหลักทรัพย์จะเรียกให้บริษัทจ่ายค่าปรับกรณีฟรีโฟลตต่ำกว่าเกณฑ์

"เรื่องปัญหาฟรีโฟลต วันนี้ได้มีผู้ถือห้นเสนอจ่ายปันผลเป็น Stock Divided แต่ผมเห็นว่าวิธีนี้ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ยังได้หุ้นอยู่ดี ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร"

นายสมเกียรติ กล่าวในฐานะนายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย คาดว่าผลผลิตข้าวไทยในปี 55 นี้ อยู่ที่ 33-34 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้นจากปีก่อนทีมี 32 ล้านตันข้าวเปลือก แต่ยอมรับว่าตลาดส่งออกคงปรับตัวลดลง โดยใน 3 เดือนที่ผ่านมา ส่งออกลดลง 45-50%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ที่เสมือนการแทรกแซงกลไกตลาด ตอนนี้ต้องรอดูว่ารัฐบาลจะมีนโยบายระบายข้าวออกอย่างไร และแนะว่ารัฐบาลควรให้ความสำคัญกับประเทศอาเซียนมากขึ้น

และจากผลกระทบดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการจะปรับราคาข้าวหอมมะลิบรรจุถุง ขึ้นอีกประมาณ 10 บาท/ถุง (บรรจุ 5 กก.)ในเดือนพ.ค. นี้ ส่วนราคาข้าวขาวบรรจุถุงยังทรงตัว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ