ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 เม.ย.) หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.ของสหรัฐทะยานขึ้นเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น และยังช่วยชดเชยปัจจัยลบที่เกิดจากแรงขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 71.82 จุด หรือ 0.56% ปิดที่ 12,921.41 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 0.69 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 1,369.57 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 22.93 จุด หรือ 0.76% ปิดที่ 2,988.40 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 0.8% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.4% สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคของสหรัฐยังคงจับจ่ายใช้สอยแม้ว่าราคาน้ำมันเบนซินและต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร (KBW Bank Index) พุ่งขึ้น 1% หลังจากซิตี้กรุ๊ป เปิดเผยรายสุทธิมูลค่า 2.9 พันล้านดอลลาร์ หรือ 95 เซนต์ต่อหุ้นในไตรมาสแรก โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดตัวขึ้น 1.3% และหุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค ปรับตัวขึ้น 0.9%
หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล พุ่งขึ้น 1.5% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสเป็น 56.2 เซนต์ต่อหุ้น จากเดิม 52.5 เซนต์ต่อหุ้น
หุ้นวอลล์-สตรีท สโตเรส พุ่งขึ้น 1.4% ขณะที่หุ้นแคทเตอร์ พิลลาร์ พุ่งขึ้น 0.8% หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา แนะนำให้นักลงทุน "ซื้อ" หุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด ขณะที่ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัวที่ระดับ 8.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 8.9% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนอาจกำลังเข้าสู่ภาวะชะลอตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรง (hard landing) มากกว่าชะลอตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป (soft-landing) ตามที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนหนึ่งคาดการณ์
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายโดยรวมยังได้รับแรงกดดันจากวิกฤตหนี้ยุโรป เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสเปนพุ่งสูงขึ้นกว่า 6% หลังจากที่มีรายงานว่า ธนาคารพาณิชย์ของสเปนกู้เงินจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มากเป็นประวัติการณ์ในเดือนมี.ค. นอกจากนี้ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอิตาลีในเดือนก.พ.ก็ปรับตัวลดลงโดยไม่คาดหมาย ซึ่งได้สร้างความหวาดหวั่นเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศ
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมี.ค. และธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนมี.ค.
วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, คอนเฟอเรนซ์ บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนมี.ค. และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค. ส่วนวันศุกร์ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ