นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย(TMB)กล่าวว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ธนาคารมีผลการดำเนินงานหลัก (core operation) ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนต่างดอกเบี้ยรับ(Net Interest Margin—NIM) เพิ่มขึ้นเป็น 2.51% จาก 2.46% ในไตรมาสที่ 4/54 และจาก 2.23% ในไตรมาส 1/54
ขณะเดียวกัน รายได้ของธนาคารปรับตัวขึ้นทั้งรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (cost to income ratio) ในไตรมาสนี้ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 59.0% เมื่อเทียบกับ 76.5% ในไตรมาสที่ 4/54 และ 67.0% ในไตรมาสที่ 1/54 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการจัดการของธนาคารซึ่งมีพัฒนาการที่ดีมาโดยตลอด
ณ สิ้นไตรมาส ธนาคารมีปริมาณเงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 54 โดยส่วนใหญ่เป็นการขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก
ธนาคารมีปริมาณเงินฝากเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 54 ทั้งนี้เป็นผลจากการที่เงินฝากประจำบางส่วนครบกำหนด ในขณะที่เงินฝากในผลิตภัณฑ์เงินออมใหม่ๆ ที่เพิ่มพูนประโยชน์และคุณค่าให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้นตามแนวคิด “Make THE Difference — พลังในตัวคุณเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้น" มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น “บัญชีเงินฝากไม่ประจำทีเอ็มบี (TMB No Fixed) ซึ่งเป็นเงินฝากประจำที่ถอนได้ก่อนกำหนดและเงินฝากของบริการธนาคารรูปแบบใหม่ “ME by TMB" ซึ่งเป็นบริการธนาคารสำหรับลูกค้าที่ชอบจัดการด้านการเงินด้วยตัวเองและได้รับผลประโยชน์มากกว่า
ธนาคารมีการบริหารจัดการสภาพคล่องตามนโยบายที่รอบคอบและระมัดระวัง ซึ่งในไตรมาสที่ 1/55 สภาพคล่องของธนาคารอยู่ในระดับสูง ด้วยส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากรวมและตั๋วเงินฝาก (loan to deposit & B/E ratio) อยู่ที่ระดับ 87.0%
ในไตรมาสที่ 1/55 สินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารและบริษัทย่อยมีจำนวน 30,470 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจำนวน 642 ล้านบาทจากสิ้นปี 54 ทั้งนี้ เป็นผลจากการผิดนัดชำระหนี้ของลูกค้ารายใหญ่ ในขณะที่ผลกระทบจากน้ำท่วมมีไม่มาก สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารและบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 5.8% จาก 5.7% เมื่อสิ้นปี 54 และสัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพเฉพาะของธนาคารอยู่ที่ 5.4%
ธนาคารได้มีการตั้งสำรองทั้งหมดจำนวน 1,242 ล้านบาท ในไตรมาส 1/55 ส่งผลให้อัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 74% เมื่อเทียบกับ 73% ณ สิ้นปี 54
ณ สิ้นไตรมาส 1/55 ธนาคารดำรงสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) อยู่ที่ 16.2% ซึ่งเป็นกองทุนชั้นที่ 1(Tier 1)ในสัดส่วน 11.2%