บลจ.ทิสโก้ ออก 2 กองทุนตราสารหนี้-เงินฝากระยะสั้น มูลค่ารวม 2 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 17, 2012 15:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า บริษัทได้เสนอขายกองทุนใหม่ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้คืนกำไร 3M1"และ กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้คืนกำไร 6M1 เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการลงทุนระยะสั้น เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ไม่ต้องการลงทุนความเสี่ยงสูง พร้อมเปิดโอกาสรับกำไรคืนเนื่องจากกองทุนจะทำการจ่ายคืนผลตอบแทนอัตโนมัติทุก ๆ 3 เดือน และ 6 เดือน ตามลำดับ

ทั้ง 2 กองทุน เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้หรือเงินฝาก ทั้งในและ/หรือต่างประเทศ โดยกองทุนอาจพิจารณาลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกิน 79% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน และจะมีการป้องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น เนื่องจากจะจ่ายผลตอบแทนอัตโนมัติทุกๆ 3 เดือน และ 6 เดือน ตามลำดับ

"สาเหตุที่เราเปิดเสนอขายกองทุน"กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้คืนกำไร 3M1 และ กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้คืนกำไร 6M1 พร้อมกัน ก็เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้น ให้สามารถเลือกลงทุนได้ตามที่ต้องการ โดยลูกค้าสามารถกระจายการลงทุนทั้งระยะ 3 เดือน และ 6 เดือน เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากธนาคาร และไม่เสียภาษี อีกทั้งระยะการลงทุนดังกล่าวยังช่วยให้ไม่เสียโอกาสจากการลงทุนในยุคอัตราดอกเบี้ยเริ่มทรงตัวแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ "นายธีรนาถ กล่าว

กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้คืนกำไร 3M1 และ กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้คืนกำไร 6M1 มีมูลค่าโครงการกองทุนละ 1,000 ล้านบาท โดยทั้ง 2 กองทุนจะเปิดเสนอขายครั้งแรก 17 - 23 เมษายน 2555 นี้ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถจองซื้อขั้นต่ำ 20,000 บาท

ด้าน TISCO Wealth บริการที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนอย่างครบวงจรของกลุ่มทิสโก้ มองว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3.00% ไปถึงสิ้นปี 2555 แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2555 ในกรณีที่อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น โดยกนง.มองแรงกดดันเงินเฟ้อในระยะสั้นมีเพียงเล็กน้อย แต่คาดว่าแรงกดดันเงินเฟ้อในครึ่งปีหลังอาจจะมากขึ้นจากการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ และความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่อาจยืดเยื้อจะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง และจะกระทบต่อราคาสินค้าภายในประเทศ

ทั้งนี้เชื่อว่าปลายปีนี้ ความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นนั้น มีความเป็นไปได้มากขึ้นหากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องจึงแนะนำการลงทุนในผลิตภัณฑ์เงินฝากหรือตั๋วแลกเงิน หรือตราสารหนี้อายุสั้นไม่เกิน 1 ปี เพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มดอกเบี้ยที่อาจปรับตัวเพิ่มขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ