นายเผด็จ หงษ์ฟ้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์(MPIC)เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/55 คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสูงกว่าไตรมาส 4/54 หลังธุรกิจฟื้นตัวจากสถานการณ์น้ำท่วมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/55 จะอยู่ระดับใกล้เคียงไตรมาส 1/55 ทำให้มั่นใจว่าทั้งปี 55 กำไรสุทธิจะเติบโต 10% และรายได้เติบโต 15-20% ตามภาพรวมเศรษฐกิจและการใช้จ่ายจากภาครัฐและเอกชนที่มีเพิ่มขึ้น
และในปีนี้บริษัทได้เข้าซื้อสิทธิการบริหารงานศูนย์เช่าดีวีดี-วีซีดีในเขตกรุงเทพฯ ของ บริษัท แฮปปี้ โฮม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด และปีหน้าจะขยายการซื้อสิทธิการบริหารงานในเขตต่างจังหวัดด้วย
สำหรับธุรกิจสร้างภาพยนตร์ของบริษัท เอ็ม 39 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยยังเติบโตต่อเนื่อง โดยปีนี้มีแผนสร้างภาพยนตร์ 5 เรื่อง ได้ออกฉายแล้วตั้งแต่ต้นปี 2 เรื่อง สามารถสร้างรายได้รวมกว่า 100 ล้านบาท
นายเผด็จ กล่าวอีกว่า การที่ บมจ.เมเจอร์ ซีนิเพล็กซ์ กรุ้ป(MAJOR) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขายหุ้นบริษัทที่ปัจจุบัน MAJOR ถืออยู่ 66% เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจาก MAJOR คงพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนการตัดสินใจขายหุ้นที่มองว่าจะเป็นพันธมิตรที่เข้ามาเกื้อหนุนธุรกิจของบริษัทได้
อนึ่ง การประชุมสามัญผู้ถือหุ้น MPIC วันนี้อนุมัติการเพิ่มทุน 6.4 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 1 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 641.25 ล้านหุ้น เป็น 647.66 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญชนิดระบุชื่อเพื่อจัดสรรให้กรรมการที่เป็นผู้บริหาร ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท และ/หรือบริษัทย่อย