นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ในปี 55 บริษัทตั้งเป้ารักษาระดับรายได้และกำไรสุทธิใกล้เคียงปีก่อน เนื่องจากการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรงขึ้น โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และอนุพันธ์ 70% prop trade 20% ที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆ เช่น ธุรกิจวาณิชธนกิจ และการปล่อยสินเชื่อซื้อหลักทรัพย์(พอร์ตมาร์จิ้น)
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์(มาร์เก็ตแชร์)เพิ่มเป็น 2.5-2.7% จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.3% พร้อมทั้งตั้งเป้าบัญชีลูกค้าใหม่เติบโต 10% จากปัจจุบันที่มีอยู่ราว 5 หมื่นบัญชี โดยเป็นบัญชีที่มีการซื้อขายสม่ำเสมอ 20% ซึ่งบริษัทจะเน้นการขยายฐานลูกค้ากลุ่มนักศึกษาจบใหม่ และผู้เริ่มทำงานที่นิยมการซื้อขายหุ้นผ่านอินเตอร์เน็ต เพราะจะทำให้ค่าคอมมิชชั่นค่อนข้างทรงตัว และบริษัทจะยังมีการพัฒนาใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย มีการสร้างทีมเจ้าหน้าที่การตลาด(มาร์เก็ตติ้ง)เพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการหาพันธมิตรจากต่างประเทศเพื่อเสริมความแข็งแกร่งรองรับการเกิดกระดานซื้อขายหลักทรัพย์อาเซียน(ASEAN Linkage)ในไตรมาส 3/55 และการเปิดเศรษฐกิจประชาคมอาเซียน(AEC)ในปี 58 โดยต้องการพันธมิตรที่เข้ามาช่วยเพิ่มสัดส่วนลูกค้าสถาบันจากปัจจุบันมีเพียง 1-2% "ที่ผมเข้ามารับตำแหน่งตรงนี้ก็อยากพัฒนาบริษัทให้ดียิ่งขึ้น แม้เราไม่มีแบงก์เป็นแม่ แต่ในอนาคตเราคงมีพาร์ทเนอร์ที่มียุทธศาสตร์ร่วมกันเพื่อช่วยเพิ่มเงินทุนให้บริษัทมีสภาพคล่องมากขึ้นสามารถปล่อยพอร์ตมาร์จิ้นได้สูงขึ้น จากปัจจุบันมี 450 ล้านบาท และยังเป็นการรองรับ AEC" นายธนพิศาล กล่าว
นายธนพิศาล เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ชะลอแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากยังติดเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และหากได้พันธมิตรใหม่เข้ามาร่วมธุรกิจก็อาจจะยกเลิกแผนการเข้าตลาดหลักทรัพย์ไปเลยก็เป็นได้
ด้านนายจักรกริช เจริญเมธาชัย กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธการลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า บริษัทเตรียมปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้จากเดิม 1,188 จุด หลังผลประกอบการไตรมาส 1/55 ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)หลายแห่งดีกว่าที่คาด โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และคาดว่าการประมูลใบอนุญาต 3G น่าจะเกิดขึ้นเร็วกว่ากำหนด ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการในกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม
ส่วน Fund flow ในช่วงนี้ยังไหลออกจากตลาดหุ้นไทย จากความกังวลปัญหาหนี้สินยุโรป และกำลังลุกลามไปที่ประเทศสเปน รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยหุ้นที่น่าสนใจลงทุนแบ่งเป็น 5 กลุ่ม คือ อสังหาริมทรัพย์ (AP, LPN, RAIMON, HEMRAJ) ธนาคารพาณิชย์ (BBL, KBANK ) พลังงาน (EARTH , GUNKUL) อาหาร (TUF) โรงพยาบาล (BGH)
นายทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต กรรมการผู้จัดการ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำช่วง 1 เดือนข้างหน้าจะทำสถิติสูงสุด โดยให้กรอบเคลื่อนไหวที่แนวรับ 1,630 ดอลลาร์/ออนซ์ แนวต้าน 1,680 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยราคาทองคำผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วจึงเป็นโอกาสเข้าลงทุน