นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ไทยในไตรมาส 1/55 โดย SET Index ทำสถิติสูงสุดในรอบ 16 ปี ปิดที่ 1,196.77 จุด เพิ่มขึ้น 16.72 % จากสิ้นปี 2554
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) ของทั้ง 2 ตลาดทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเปิดซื้อขาย โดย SET อยู่ที่ 9.86 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.20% และ mai อยู่ที่ 93,070 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.38% จากสิ้นปี 54 ด้านอัตราเงินปันผลตอบแทนของ SET อยู่ในระดับสูง ที่ 3.63% สูงเป็นอันดับสองในภูมิภาครองจากไต้หวัน แต่ลดลงเล็กน้อยจาก 3.67% ณ ช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า mai มีอัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ 2.25%
ผู้ลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิต่อเนื่องในเดือน มี.ค.55 เป็นเดือนที่ 4 ที่ 33,697 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาส 1/55 ผู้ลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิรวม 83,135 ล้านบาท โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 31,252 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.28% จากไตรมาส 4/2554 และเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.09% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ขณะที่ปริมาณการซื้อขายสินค้าในตลาดอนุพันธ์เฉลี่ยต่อวัน 35,101 สัญญา เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 29 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Oil Futures ที่เริ่มซื้อขายในช่วงปลายปี 54 ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น มีการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเกือบ 8 เท่าตัว โดยมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 558 สัญญา
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลท.เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของ ตลท.ในช่วงไตรมาสที่ 1/55 ผลงานโดยรวมบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ในทุกด้าน และจะเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรต่อเนื่องรองรับการแข่งขันระดับภูมิภาค โดยจะมุ่งเน้นตอบสนองโอกาสทางการเงินให้กับบริษัทจดทะเบียน และผู้ลงทุน ด้วยสินค้าและบริการใหม่ที่โดดเด่นหลากหลาย รวมถึงพัฒนาช่องทางและระบบการซื้อขายให้รวดเร็วรองรับการซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพ
ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยในตลาดหุ้นต่อวัน 31,252 ล้านบาท และในตลาดอนุพันธ์เฉลี่ย 35,101 สัญญาต่อวัน ในขณะที่ด้านสินค้าและผลิตภัณฑ์ มีบริษัทและหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียน มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด รวม 22,765 ล้านบาท และ ตลท.จะผลักดันให้มีการซื้อขาย currency futures หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ภายในไตรมาส 2/55
สำหรับการพัฒนาระบบซื้อขายหลักทรัพย์ใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการซื้อขายให้รวดเร็วและรองรับการเชื่อมโยงกับตลาดหุ้นในภูมิภาค ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมและทดสอบระบบร่วมกับบริษัทสมาชิกโดยจะเริ่มใช้ระบบซื้อขายใหม่ได้ในเดือนกรกฎาคม และพร้อมเชื่อมโยงการซื้อขายกระดาน ASEAN Link ได้ในเดือนสิงหาคม เป็นต้นไป
ผลดำเนินงานด้านการขยายฐานผู้ลงทุนบุคคลเพื่อกระตุ้นการลงทุนผ่านช่องทาง online ได้มีการทำกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องร่วมกับธนาคารพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/55 มีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตจากผู้ลงทุนบุคคลเกือบ 49 % ของมูลค่าการซื้อขายรวมของผู้ลงทุนบุคคลทั้งหมดจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 50 %
การพัฒนาขีดความสามารถของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Technology ได้มีลูกค้าใหม่ที่ใช้บริการ Direct Market Access (DMA) เพิ่มอีก 4 ราย ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายผ่านช่องทาง DMA ในช่วงไตรมาส 1/55 เพิ่มขึ้นเป็น 965 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้นกว่า 34 % จากปี 54 ซึ่งมีการซื้อขายเฉลี่ย 717 ล้านบาทต่อวัน
การพัฒนาตลาดทุนระยะยาวนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มุ่งส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนเดินหน้าไปสู่มาตรฐาน ESG (Environment, Society and Governance) เพื่อปรับปรุงและเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการธุรกิจให้แข็งแกร่งและเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนที่เหมาะสมในแต่ละระดับของบริษัท ควบคู่กับการจัดทำ gap analysis และกำหนดนโยบายที่บริษัทจดทะเบียนต้องจัดทำเพิ่มเติมเพื่อยกระดับคะแนนธรรมาภิบาล (Corporate Governance)
ด้านศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ตลาดทุน หรือ TSI ยังเดินหน้าแผนงานเพื่อยกระดับความรู้ความสามารถด้านการเงินแก่ผู้ลงทุนทุกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อนำไปสู่การขยายฐานผู้ลงทุนคุณภาพในระยะยาว และสร้างมาตรฐานความรู้ของผู้ประกอบวิชาชีพเพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดทุนไทยและแข่งขันในระดับสากลผ่านการสัมมนาและการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ โดยในปี 55 TSI ได้ปรับบทบาทเป็นผู้กำหนดมาตรฐานความรู้ของผู้ประกอบวิชาชีพหลักทรัพย์ (standard setting) ภายหลังจากการโอนย้ายงานศูนย์สอบให้กับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) และ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC)