ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดลบในวันนี้ หลังจากสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ลดลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบดบังการรายงานผลประกอบการของภาคเอกชนที่ออกมาดีเกินคาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 82.79 จุด หรือ 0.63% แตะที่ 13,032.75 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 1.84 จุด หรือ 0.13% แตะที่ 1,383.30 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 3.33 จุด หรือ 0.11% แตะที่ 3,028.84 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 เม.ย. ลดลง 2,000 ราย มาอยู่ที่ 386,000 ราย เทียบกับที่มีการคาดการณ์กันไว้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 370,000 ราย นับเป็นการส่งสัญญาณว่าการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐอาจหยุดชะงัก
สำหรับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 5,500 ราย มาอยู่ที่ 374,750 ราย โดยข้อมูลนี้ถูกมองว่าสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่า เพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์
ข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยในวันนี้ถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดที่อาจเพิ่มความวิตกกังวลว่า การฟื้นตัวของตลาดแรงงานกำลังหยุดชะงัก หลังจากที่ข้อมูลก่อนหน้านี้บ่งชี้ว่าการจ้างงานใหม่เริ่มชะลอตัว
ขณะเดียวกันสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค. ลดลงในอัตรา 2.6% แตะ 4.48 ล้านยูนิต จาก 4.6 ล้านยูนิตในเดือนก.พ. ซึ่งสวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่กว่าคาดได้บดบังรายงานผลประกอบการภาคเอกชนที่ออกมาดีเกินคาด โดยวันนี้แบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยว่ากำไรไตรมาสแรกลดลงมาอยู่ที่ 3 เซนต์ต่อหุ้น ขณะที่มอร์แกน สแตนลีย์ ขาดทุน 6 เซนต์ต่อหุ้น จากที่ทำกำไรในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี ผลประกอบการของทั้งสองธนาคารยังดีกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
นอกจากรายงานผลประกอบการและข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศแล้ว นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของวิกฤตหนี้ยุโรป แม้สเปนขายพันธบัตรอายุ 10 ปี และ 2 ปี เป็นวงเงินทั้งสิ้น 2.54 พันล้านยูโร (3.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของกรอบเป้าหมายที่วางไว้ที่ 1.5 - 2.5 พันล้านยูโร ขณะที่ฝรั่งเศสขายพันธบัตรระยะกลางได้ 7.97 พันล้านยูโร ในการประมูลวันนี้ ซึ่งใกล้เคียงเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้