นายมาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า ธนาคารและบริษัทในเครือ มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/55 สูงถึง 3.44 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 600% จากไตรมาส 4/54 หรือ 22% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สินเชื่อที่มีคุณภาพยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งที่ 3.5% โดยสินเชื่อที่ปล่อยใหม่ตั้งแต่สิ้นเดือนธันวาคม 2554 มีมูลค่า 23.9 พันล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 4.9% มาอยู่ที่ 28.1 พันล้านบาท จาก 29.5 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 และปัจจุบันมีสัดส่วนต่ำกว่า 3.6% ของสินเชื่อทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพและการแก้ปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 4.24% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของกรุงศรีกรุ๊ปในการรักษาอัตราผลตอบแทนของสินเชื่อในระดับที่น่าพอใจทั้งที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ลดลงในเดือนมกราคมอีกทั้งภาวะการแข่งขันอย่างรุนแรงของอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินฝาก
"ผลประกอบการของกรุงศรีกรุ๊ป ในไตรมาสแรกของปี 2555 ได้แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนผลกำไรได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าพอใจ รวมถึงผลประกอบการอื่นๆ ที่สำคัญ โดยสินเชื่อที่มีคุณภาพเติบโต 3.5% ในไตรมาสแรก หรือเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา" นายมาร์ค กล่าว
ทั้งนี้ สินเชื่อรายย่อยของธนาคารและบริษัทในเครือได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 7% ในช่วงไตรมาส 1/55 เป็นผลมาจากความสำเร็จในการรวมกิจการของธุรกิจสินเชื่อรายย่อยของธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย ผนวกกับการเติบโตอย่างรวดเร็วจากธุรกิจที่มีอยู่ (organic growth) อันเป็นผลมาจากความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมในปีที่แล้ว โดยปัจจุบันธุรกิจรายย่อยมีสัดส่วนคิดเป็น 47% ของพอร์ตสินเชื่อของกรุงศรีกรุ๊ป ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการสร้างความสมดุลระหว่างพอร์ตสินเชื่อประเภทต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2555 ธนาคาร ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของประเทศไทยมีเงินให้สินเชื่อรวม 742 พันล้านบาทและสินทรัพย์รวม 976 พันล้านบาท ธนาคารมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ที่ระดับ 16.04% โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) 11.62% อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ ปรับตัวดีขึ้นเป็น 49.4% จาก 50.9% ในไตรมาส 1/2554 รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ เพิ่มขึ้น 6.4% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2554 หรือเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2554