บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ (BIGC) ตั้งเป้ายอดขายปี 55 เติบโต 8-10% รับปัจจัยหนุนทั้งกำลังซื้อที่ดีขึ้น และผลจากการปรับขึ้นค่าแรงงานและเงินเดือน โดยเห็นได้ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้ทำยอดขายได้ดีขึ้นจากไตรมาส 4/54 หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมผ่านพ้นไปแล้ว
ขณะที่บริษัทตั้งงบลงทุนในปีนี้ราว 5-6 พันล้านบาทเพื่อเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยจะเป็นสาขาขนาดใหญ่ 4 แห่ง และสาขามินิบิ๊กซี 75 แห่ง ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเร่งขยายสาขามินิบิ๊กซีเพิ่มขึ้นเป็น 100-125 สาขาภายในปี 56
สำหรับสาขาใหม่ในโครงการเมกะบางนาคาดว่าจะคุ้มทุนภายใน 5-6 ปี จากที่ได้ใช้เงินลงทุนไปราว 300 ล้านบาท โดยประเมินผลตอบแทนการลงทุนที่ 10%
นายประพันธ์ เอี่ยมรุ่งโรจน์ รองประธานผู้บริหาร ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์ BIGC กล่าวว่า การเปิดบิ๊กซี เอ็กซตร้า ใน เมกาบางนา เป็น 1 ใน 4 สาขาตามเป้าหมายที่จะเปิดในปีนี้ โดยตั้งเป้าถึงจุดคุ้มทุนใน 5-6 ปี ถือว่าเร็วกว่าปกติที่จะใช้เวลาถึงจุดคุ้มทุน 7 ปี เนื่องจากมองว่าจะเป็นสาขาที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ ในปี 55 ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 8-10% จากปีก่อนที่มียอดขาย 1.2 แสนล้านบาท โดยในไตรมาส 1/55 มียอดขายดีกว่าไตรมาส 4/54 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และทั้งปี 55 คาดว่ากำลังซื้อจะดีกว่าปีก่อน เนื่องจากมีปัจจัยหนุนทั้งการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยรัฐบาลควบคุมเงินเฟ้อให้ปรับขึ้นไปค่อยเป็นค่อยไป สถานการณ์การเมืองนิ่ง ผู้บริโภคตั้งแต่ระดับรากหญ้ามีกำลังซื้อดีขึ้น และหวังว่าปีนี้จะไม่เกิดน้ำท่วมอีก
และปีนี้ตั้งงบลงทุน 5-6 พันล้านบาท แบ่งเป็นใช้เปิดสาขาใหญ่ 4 สาขา วงเงิน 2-2.5 พันล้านบาท ในกรุงเทพฯ คือเมกาบางนา ส่วนต่างจังหวัด คือ จ.มุกดาหาร สตูล เลย เปิดมินิบิ๊กซี 75 สาขา วงเงิน 300 ล้านบาท หรือ ลงทุน 4-5 ล้านบาท/สาขา ที่งบประมาณที่เหลือใช้เพื่อปรับปรุงและซ่อมบำรุงสาขาเดิม
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้ามีแผนเปิดมินิบิ๊กซี 100-125 สาขาเนื่องจากมีศักยภาพการเติบโตมากกว่าสาขาใหญ่ ดังนั้นการเปิดสาขาใหญ่จะพิจารณาจากตลาด เนื่องจากในเขตกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดเริ่มอิ่มตัว "sentiment consumer ปีนี้ดีขึ้น โดยเฉพาะภาครัวเรือนที่มีกำลังซื้อมากขึ้นและยังไม่เห็นปัจจัยกระทบ" นายประพันธ์ กล่าว