ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 370,544 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 23, 2012 16:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (17 — 20 เมษายน 2555) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 370,544 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 92,636 ล้านบาท ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 2% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 80% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 295,173 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 63,351 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 2,820 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น ILB217A (อายุ 10 ปี), LB155A (อายุ 3.14 ปี) และ LB21DA (อายุ 9.68 ปี) มีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 13,803 ล้านบาท 11,086 ล้านบาท และ 11,028 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB12508A (อายุ 14 วัน), CB12719B (อายุ 91 วัน) และ CB12517C (อายุ 28 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 94,379 ล้านบาท 33,095 ล้านบาท และ 30,378 ล้านบาท ตามลำดับ

ทางด้านหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกนั้น ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท เมอร์เซเดส — เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (MBTH12OA (AAA)) มูลค่าการซื้อขาย 371 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC164A (A)) มูลค่าการซื้อขาย 361 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW156A (A)) มูลค่าการซื้อขาย 331 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวอยู่ในกรอบแคบๆ หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้น / ลดลงในช่วง -9 ถึง 1 Basis Point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) ซึ่งในช่วงต้นสัปดาห์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลาง อายุ 3 ปีขึ้นไปปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง จากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างประเทศ โดยนักลงทุนบางกลุ่มมีความกังวลเรื่องอุปทาน (Supply Bond) ที่อาจจะน้อยลงเมื่อเทียบกับในช่วงไตรมาสแรกของปี อย่างไรก็ตาม การซื้อขายตราสารหนี้ในสัปดาห์นี้ยังคงกระจุกตัวอยู่ในตราสารระยะสั้นของ ธปท. เป็นหลัก เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่นำเงินเข้ามาพักไว้ในตราสารระยะสั้นเหล่านี้ เพื่อรอเข้าซื้อพันธบัตรระยะกลางที่จะเปิดให้มีการประมูลในสัปดาห์หน้า

ทางด้านของวิกฤตหนี้สาธารณะในกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) เป็นประเด็นที่กลับมาอยู่ในความสนใจของตลาดอีกครั้ง ซึ่งตลาดกำลังจับตามองว่าจะมีผลกระทบถึง Fund Flow จากนักลงทุนต่างประเทศที่ไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงที่ผ่านมาอย่างไร ส่วนการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 — 25 เมษายนนี้ ตลาดยังคงให้ความสนใจว่าจะมีการส่งสัญญาณถึงมาตรการผ่อนคลายทางการเงินใหม่ๆ เพิ่มเติมหรือไม่

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ไทยต่อเนื่องจากในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติมียอด ซื้อสุทธิ 28,705 ล้านบาท และเป็นที่น่าสังเกตว่า ในมูลค่าการซื้อสุทธิทั้งหมดนี้ เป็นการซื้อในตราสารระยะยาว (มีอายุคงเหลือมากกว่า 1 ปี) กว่า 15,150 ล้านบาท ต่างจากการซื้อสุทธิในช่วงที่ผ่านมา ที่จะเน้นไปในตราสารระยะสั้น (มีอายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) เป็นหลัก จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปว่าจะมีผลต่อตลาดตราสารหนี้ไทยในสัปดาห์ถัดๆ ไปอย่างไร และสำหรับนักลงทุนรายย่อย ที่ถึงแม้ว่าจะมีสัดส่วนของการซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดค่อนข้างน้อย แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงมียอดซื้อสุทธิประมาณ 1,249 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ