ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 102.09 จุด วิตกหนี้ยุโรป,ศก.โลกชะลอตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 24, 2012 06:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกหลังจากมีรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตของจีนและกลุ่มประเทศยูโรโซนหดตัวลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข่าวการประกาศลาออกของนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 102.09 จุด หรือ 0.78% แตะที่ 12,927.17 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 11.59 จุด หรือ 0.84% แตะที่ 1,366.94 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 30.00 จุด หรือ 1.00% แตะ 2,970.45 จุด

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนและจีน โดยมาร์กิต อิโคโนมิคเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนหดตัวลง เนื่องจากยอดสั่งซื้อปรับตัวลดลง และการปลดพนักงานมากขึ้นได้ส่งผลกระทบทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ

ทั้งนี้ ดัชนี PMI รวมในภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซน ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ 47.4 ในเดือนเม.ย. จาก 49.1 ในเดือนมี.ค. ซึ่งตัวเลขต่ำกว่าระดับ 50 ถือว่าอยู่ในภาวะหดตัว

ขณะที่ HSBC รายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตจีนเบื้องต้น ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 49.1 ในเดือนเม.ย. จาก 48.3 ในเดือน มี.ค. แต่ก็ยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งเป็นระดับที่บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจหดตัวลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากข่าวที่ว่า นายมาร์ค รัทเทอ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศยุโรปที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ไม่สามารถควบคุมการขาดดุลงบประมาณภายในประเทศ ได้ยื่นหนังสือลาออกต่อสมเด็จพระราชินีเบียทริซแล้วเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย หลังจากที่รัฐบาลไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับแผนการลดยอดขาดดุลงบประมาณให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของสหภาพยุโรป (อียู)

ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อสำนักงานสถิติแห่งชาติของสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า 17 ชาติสมาชิกยูโรโซนยังคงเผชิญกับความยากลำบากในการควบคุมหนี้ แม้ว่ารัฐบาลสามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณลงมาอยู่ที่ระดับ 4.1% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจในปี 2554 จากระดับ 6.2% ของจีดีพีในปี 2553 ก็ตาม

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2.2% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ดิ่งลง 1.9%

หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นยูเอส สตีล ผู้ผลิตโลหะรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2.7% และหุ้นมอนซานโต ร่วงลง 1.8%

หุ้นวอล-มาร์ท ร่วงลง 4.7% หลังจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ของวอลล์-มาร์ท ได้ขัดขวางการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับข้อหาการติดสินบนที่บริษัทวอล-มาร์ท เดอ เม็กซิโก

หุ้นเคลล็อก ร่วงลง 6.1% หลังจากเคลล็อก ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารเช้าประเภทซีเรียลรายใหญ่สุดของสหรัฐ คาดการณ์ว่า ผลกำไรในปี 2555 จะอยู่ในช่วง 3.18-3.30 ดอลลาร์ต่อหุ้น เนื่องจากยอดขายในไตรมาสแรกร่วงลง 1.3%

หุ้นแอปเปิล อิงค์ ร่วงลง 0.2% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการในวันพรุ่งนี้

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยราคาบ้านเดือนก.พ. ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค. และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยวันแรก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ