ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) หลังจากมีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ อันเนื่องมาจากความล้มเหลวในการผลักดันมาตรการรัดเข็มขัดฉบับใหม่ รวมทั้งรายงานที่ว่าภาคการผลิตของยูโรโซนหดตัวลง
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 5665.57 จุด ลบ 106.58 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลงอย่างหนักหลังจากนายมาร์ค รัทเทอ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศยุโรปที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ไม่สามารถควบคุมการขาดดุลงบประมาณภายในประเทศ ได้ยื่นหนังสือลาออกต่อสมเด็จพระราชินีเบียทริซแล้วในวันนี้ หลังจากที่รัฐบาลไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับแผนการลดยอดขาดดุลงบประมาณให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของสหภาพยุโรป (อียู)
สำนักงานสารนิเทศของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์เปิดเผย่วา สมเด็จพระราชินีเบียทริซทรงยอมรับการลาออกของนายกรัฐมนตรีรัทเทอและคณะรัฐมนตรีแล้ว และนายรัทเทอมีกำหนดที่จะแถลงต่อรัฐสภาเนเธอร์แลนด์ในวันอังคาร เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการเฉพาะกาลในการรักษาสถานะการคลังและเพื่อกำหนดวันเลือกตั้ง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยในวันนี้ว่า 17 ชาติสมาชิกยูโรโซนยังคงเผชิญกับความยากลำบากในการควบคุมหนี้ โดยตัวเลขหนี้สินโดยรวมของประเทศยูโรโซนกลับเพิ่มขึ้นจากระดับ 85.3% ของจีดีพี เป็น 87.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการรวมตัวกันของยูโรโซนในปี 2542
ขณะที่มาร์กิต อิโคโนมิคเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนหดตัวลง เนื่องจากยอดสั่งซื้อปรับตัวลดลง และการปลดพนักงานมากขึ้นได้ส่งผลกระทบทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ
หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 3.6% หุ้นริโอทินโต ร่วงลง 4.8% หลังจากราคาโลหะทองแดงในตลาดโลกร่วงลงอย่างหนัก
หุ้นแอสทราเซเนก้าร่วงลง 1.9%
อย่างไรก็ตาม หุ้นเคเบิล แอนด์ ไวร์เลส พุ่งขึ้น 12% หลังจากโวดาโฟนตกลงซื้อกิจการเคเบิล แอนด์ ไวร์เลส เป็นวงเงินมูลค่า 1.04 พันล้านปอนด์