บมจ.ช.การช่าง(CK) มั่นใจในปี 55-56 กำไรเติบโตขึ้นจากปี 54 เนื่องจากคาดว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมาย ขณะที่การลงทุนในด้านต่าง ๆ ของบริษัทมีกำไรและมูลค่าหุ้นที่สูงขึ้น โดยในปีนี้รายได้น่าจะเติบโตราว 10-15% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการรับรู้รายได้งานในมือ(backlog) ที่ ณ สิ้นปี 54 มีแล้ว 1.4 แสนล้านบาท นอกจากนั้นบริษัทตั้งเป้ารับงานใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 10% และเชื่อว่าสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ดี โดยเฉพาะด้านราคาวัสดุก่อสร้าง
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ CK คาดว่า รายได้ของบริษัทในปี 55 อยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 15% จากปีก่อน โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากการรับรู้งานคงค้างในมือที่มีอยู่ 1.4 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 54 และเชื่อว่ากำไรในปี 55-56 ไม่น้อยกว่า 54 จากการที่บริษัทมีรายได้ทีเพิ่มมากขึ้นและกิจการที่เข้าไปลงทุนมีเงินปันผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมูลค่าหุ้นปรับเพิ่มขึ้น
บริษัทตั้งเป้าหมายจะรับงานในอนาคตที่มีอัตรากำไรขั้นต้นมากกว่า 10% โดยบริษัทยังมีงานที่คาดว่าจะเซ็นสัญญาเร็วๆนี้ คือ โครงการทางด่วนศรีรัช มูลค่างาน 2.5 หมื่นล้านบาท และโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า SPP นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน 5 พันล้านบาท
ส่วนโครงการเขื่อนและโรงไฟฟ้าไซยะบุรี มุลค่าสัญญา 7.6 หมื่นล้านบาทนั้น นายปลิว กล่าวว่า บริษัทจะเดินหน้าก่อสร้างตามสัญญาที่ได้ลงนามรับงานไว้แล้ว โดยคาดว่าผลประโยชน์ที่ได้รับจากงานก่อสร้างจะสร้างผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 10% และหลังจากงานก่อสร้างแล้วเสร็จยังได้สัมปทานอีก 9 ปี ซึ่งคาดว่ามีผลตอบแทนการลงทุนที่ 12-13% จากสัดส่วนที่ CK ถือหุ้นในไซยะบุรีอยู่ 30%
"บริษัทมีกลยุทธ์การดำเนินงานก่อสร้างขนาดใหญ่ ทางด่วน พลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นโครงการที่มีการลงทุนสูง บริษัทมั่นใจว่าโครงการที่เข้าไปสามารถสร้างกำไรและรายได้ในเกณฑ์ที่ดี มูลค่างงานคงค้างในมือ 1.4 แสนล้านบาทจะสร้างรายได้ที่ดี มั่นใจว่ากำไรในปี 55-56 ไม่น้อยกว่าปี 54 ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงบริษัทได้วางแผนไวอย่างดีและดำเนินการล่วงหน้าไว้แล้วจึงสามารถรับมือกับต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้นได้"นายปลิว กล่าว
สำหรับการถือหุ้นใน บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ(BMCL)ที่ยังประสบปัญหาขาดทุนนั้น นายปลิว กล่าวว่า การขาดทุนมาจากการดำเนินงานล่าช้าในหลายด้าน แต่เชื่อว่าหลังจากโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน สีม่วง และสีเขียวแล้วเสร็จ จะทำให้มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้ BMCL สามารถแก้ปัญหาการขาดทุนได้อย่างเบ็ดเสร็จภายใน 3 ปี
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนนำ บริษัท ซี.เค.เพาเวอร์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยด้วย