บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป(ERW) คาดว่ารายได้ในช่วงไตรมาส 1/55 จะเติบโตขึ้นราว 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราการเข้าพักโรงแรมมาที่ระดับ 80% จาก 75% ช่วงไตรมาส 1/54
ส่วนไตรมาส 2/55 ธุรกิจโรงแรมอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางภาคใต้ของไทย แต่บริษัทจะมีการบันทึกรายการพิเศษเป็นกำไรจากการขายที่ดินที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จำนวน 18 ล้านบาท
นางกมลวรรณ วิปุลากร กรรมการผุ้จัดการใหญ่ ERW เปิดเผยว่า แนวโน้มไตรมาส 2/55 ยอมรับว่าเป็นช่วงโลว์ซีซั่นเนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศน้อยตามฤดูกาล รวมทั้งการท่องเที่ยวในประเทศที่หดตัวในช่วงหน้าฝน ประกอบกับสถานการณ์ในภาคใต้สร้างผลกระทบต่อการท่องเที่ยว
แต่อย่างไรก็ตาม ในแง่ผลประกอบการไตรมาส 2/55 ยังเชื่อว่ากำไรดีกว่างวดเดียวกันของปีก่อน เพราะว่ามีกำไรพิเศษจากการขายที่ดินราว 18 ล้านบาท ซึ่งจะบันทึกในงบการเงินงวดไตรมาส 2/55
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 55 คาดรายได้รวมจะโตราว 20% จากปีก่อน 4.48 พันล้านบาท โดยคาดว่าอัตราการเข้าพักปีนี้จะอยู่ที่ 77-80% จากปีก่อนที่ 69% เนื่องจากบริษัทสามารถทำการตลาดได้ดีขึ้นทำให้อัตราเข้าพักปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อน และราคาห้องพักจะปรับเพิ่มขึ้นได้ 4-5% ตามภาพรวมธุรกิจโรงแรมและจากการที่เปิดโรงแรมใหม่เพิ่มขึ้นทำให้ได้ราคาดีขึ้น
ประกอบกับธุรกิจอาหารก็ยังเติบโตได้ดี ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนราว 1.3-1.7 พันล้านบาท ลงทุนในธุรกิจโรงแรมทั้งการเปิดโรงแรมใหม่ ปรับปรุงโรงแรมเดิม ซึ่งเมื่อต้นปีเปิดโรงแรมไอบิส หัวหิน และปลายปีจะเปิดโรงแรมที่สยามสแควร์ 2 แห่ง ในเครือเมอร์เคียวและไอบิส
"เราจะเปิดโครงการใหม่ที่พัทยา 2 แห่ง ซึ่งเป็นโรงแรมระดับกลางและระดับประหยัด โดยเป็นตลาดพัทยามีการเติบโตและความต้องการสูง ซึ่งจะใช้แบรนด์ฮอลิเดย์ อินน์ และเมอร์เคียว พัทยา"นางกมลวรรณ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาซื้อที่ดินเพิ่มสำหรับการลงทุนในอนาคต โดยพื้นที่ที่สนใจ คือ พัทยา ภูเก็ต และกรุงเทพ โดยแผนในอนาคตจะไม่ขยายโรงแรม 5 ดาวแล้ว ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้มาจากโรงแรม 5 ดาวที่ 65% โรงแรมระดับกลาง 17% โรงแรมราคาประหยัด 17% ในปี 58 คาดสัดส่วนรายได้จากโรงแรม 5 ดาว ลดลงเหลือ 55% โรงแรมระดับกลาง 25% โรงแรมราคาประหยัด 25%
ปัจจุบัน บริษัทมีโรงแรมทั้งหมด 14 แห่ง สิ้นปี 55 จะเพิ่มเป็น 16 แห่ง และในปี 58 จะมีโรงแรมทั้งสิ้น 25-26 แห่ง ส่วนการขายสินทรัพย์เป็นยุทธศาสตร์หลักของบริษัทเพื่อนำเงินมาใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการลงทุนนั้น บริษัทยังคงมีแผนจะขายสินทรัพย์ออกไป แต่ยังไม่ข้อสรุปในขณะนี้