นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนลูกค้าบุคคล สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสเปิดบวกได้แต่คงจะไม่มาก คล้ายกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งภาพโดยรวมของตลาดฯยังมองเป็น Neutral ที่จะไม่บวก-ลบแรง เนื่องจากตลาดฯยังไร้ปัจจัยใหม่
สำหรับการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC)ที่ระบุถึงภาพรวมเศรษฐกิจ ก็ยังไม่ได้มีนัยสำคัญมาก แต่จะมองเป็นลักษณะของเงื่อนไข อย่างเช่นยังคงใช้อัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไป เท่าที่ดูก็น่าจะเป็นจุดที่ยืดหยุ่นได้
ทั้งนี้ เมื่อวานนี้หุ้น Domestic ได้มีการปรับตัวขึ้นแรง ดังนั้น วันนี้อาจมีการชะลอตัว เพราะ valuation เริ่มแพงขึ้น แต่เชื่อว่าหุ้นในกลุ่ม Food และ ICT ยังคงจะเดินหน้าต่อไปได้
ภาพตลาดบ้านเราวันนี้ก็คิดว่าคงจะมีเล่นหุ้นขนาดเล็กมากกว่า โดยจะยังคงอิงเรื่องของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมา พร้อมให้แนวรับ 1,185 จุด แนวต้าน 1,207-1,214 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(25 เม.ย.55) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,090.72 จุด เพิ่มขึ้น 89.16 จุด (+0.69%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,390.69 จุด เพิ่มขึ้น 18.72 จุด (+1.36%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,029.63 จุด เพิ่มขึ้น 68.03 จุด(+2.30%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 907.24 ล้านบาทเมื่อวานนี้
- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวานนี้ที่ 104.12 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 57 เซนต์ หรือ 0.55%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์เมื่อวานนี้(25 เม.ย.)ปิดที่ 8.48 เหรียญฯ/บาร์เรล
- คณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลางให้เพิ่มค่าโดยสารรถเกือบทุกชนิด มีผลตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.นี้ โดยรถมินิบัสที่เปลี่ยนรถใหม่และใช้ก๊าซเอ็นจีวีมีต้นทุนสูงขึ้น จึงให้ปรับค่าโดยสารจาก 6.50 บาท เป็น 8 บาทเท่ากับรถเมล์ รถสองแถวปรับจาก 5.50 บาท เป็น 7 บาท รวมทั้งช่วงเวลา 22.00-05.00 น. ให้ขึ้นอีก 2 บาทเป็น 9 บาท
- รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สายแรงงานเปิดเผยว่า มาตรการบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท นำร่อง 7 จังหวัดเมื่อต้นเดือนเม.ย. ยังครอบคลุมไม่ทั่วถึงทุกอุตสาหกรรมและทุกขนาดกิจการ เนื่องจากให้ความช่วยเหลือเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) แต่การขึ้นค่าจ้างบังคับใช้การจ้างงานในกิจการทุกขนาดซึ่งรัฐบาลต้องอย่าลืมว่าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่บางรายที่ใช้แรงงานเข้มข้น ก็ได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าวเช่นกัน
- ธปท.แจงกำไรแบงก์ไตรมาสแรกโตจากสินเชื่อที่เพิ่มต่อเนื่อง สวนทางเอ็นพีแอลที่ลดลง ชี้ยังไม่พบฟองสบู่ ส่วนการเติบโตของสินเชื่อรายย่อยมาจากยอดขอกู้ซื้อรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นหลังน้ำท่วมทำเสียหายอื้อ ขณะที่เอสเอ็มอีโตต่อเนื่อง ด้านกรุงไทยระบุ ธปท.เล็งปรับเพิ่มวงเงินปล่อยซอฟท์โลนเป็น 3-5 ล้านบาท/ราย หลังยอดใช้ไม่กระเตื้อง ขณะที่มันนี่เอ็กซ์โปคึกคักแบงก์งัดดอกเบี้ย 0% จูงใจ
- ธนาคารแห่งประเทศไทยระบุค่าเงินบาทในช่วงนี้จะเคลื่อนไหวในระดับอ่อนค่าที่ 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แต่ไม่ค่อยน่ากังวล เพราะแม้จะอ่อนค่ามาอยู่ระดับ 31 บาท แต่เมื่อดูค่าความผันผวนของเงินบาท พบว่าปัจจุบันที่อยู่ที่ระดับ 4% ไม่ถือว่าน่าห่วงเพราะยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดูแลได้ และยังเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค
- บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์ว่า งวดสิ้นเดือน มี.ค.ยอดเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สุทธิของ 14 ธนาคารพาณิชย์ไทยมีจำนวน 7.76 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.49 แสนล้านบาท จากสิ้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา
- ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา(สคบ.) เปิดเผยว่า จากการทำประชาพิจารณ์การระดมความคิดเห็นผู้ประกอบการเช่าซื้อรถยนต์และตัวแทนผู้บริโภคเกี่ยวกับการแก้ไขประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา ได้ข้อสรุปว่าจะต้องมีการปรับหลักเกณฑ์การคิดดอกเบี้ยให้เป็นธรรมมากขึ้น