นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์(LH)เปิดเผยว่า กำไรในช่วงไตรมาส 1/55 ดีขึ้นกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หลังจากผ่านพ้นช่วงน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 54 ทำให้บริษัททำยอดขายได้ดีขึ้น ประกอบกับธุรกิจต่าง ๆ ที่บริษัทได้เข้าลงทุนยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะ บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์(HMPRO)มียอดขายได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก เนื่องจากลูกค้าหันมาใช้จ่ายฟื้นฟูที่อยู่อาศัยหลังน้ำท่วม
ในปี 55 บริษัทจะหันไปพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น แต่จะไม่ออกไปลงทุนต่างประเทศ เพราะบริษัทเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีนัก ทั้งในอินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ที่มีปัญหาขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จนปัจจุบันได้มีการขายเงินลงทุนออกไปเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงการลงทุนบางส่วนในประเทศฟิลิปปินส์เท่านั้น
"ยากมากที่จะไปลงทุนแข่งกับบริษัทในท้องถิ่น เพราะอย่างบริษัทใหญ่ ๆ ทั้งจากฮ่องกง สิงคโปร์ ที่เข้ามาลงทุนในไทยหรือไปลงทุนประเทศอื่นก็ไม่ประสบความสำเร็จ นอกจากการลงทุนในธุรกิจโรงแรม แต่หากลงทุนในที่อยู่อาศัยคงเป็นเรื่องยาก ซึ่งเห็นได้ว่ามี บจ.ของไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศทั้งที่อินเดีย เวียดนาม ก็ยังขาดทุน เราขอเจาะตลาดในประเทศใน stable ดีกว่า"นายอนันต์ กล่าว
นายอนันต์ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจให้เช่าพื้นที่ เช่น โครงการ Terminal21 ให้ผลตอบแทนที่ดีทั้งในส่วนของโรงแรมและศูนย์การค้า ซึ่งมีลูกค้าใข้บริการเต็มที่
ขณะที่บริษัทเพิ่งชนะประมูลเข้าบริหารที่ดินสามย่านของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนื้อที่ 13 ไร่ เนื่องจากเสนอผลประโยชน์ตอบแทนสูงสุด แต่ก็ต่างจากคู่แข่งเพียง 20-30 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งทางจุฬาฯ เรียกเข้าไปเจรจาแล้วและอยู่ระหว่างหารือรายละเอียด รวมถึงขั้นตอนดำเนินการที่จะต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ เพราะมีมูลค่าโครงการเกิน 1 พันล้านบาท
นายอนันต์ ยืนยันว่า บริษัทยังไม่มีนโยบายขายหุ้นที่ถืออยู่ใน HMPRO แม้ว่าจะมีผู้สนใจติดต่อเข้ามาหลายราย เนื่องจากยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี แต่หากจะขายก็คงจะสร้างกำไรได้ถึง 2 หมื่นล้านบาท เช่นเดียวกับ LHBANK ที่มีผู้สนใจหลายราย แต่ขณะนี้การเจรจาหาพันธมิตรเข้ามาถือหุ้นก็ยังไม่มีข้อสรุป