นายมงคลนิมิตร เอื้อเชิดกุล กรรมการและผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ บมจ.เอสโซ่(ประเทศไทย)(ESSO)เปิดเผยว่า ในปี 55 คาดว่ากำไรสุทธิจะดีกว่าปีก่อนที่กำไรลดลงเหลือ 940 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากภาษีจำนวน 1.2 พันล้านบาท ประกอบกับในปีที่แล้วมีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นถึง 2 เดือนเพื่อปรับปรุงคุณภาพให้ได้ตามมาตรฐานยูโร 4
แต่ในปี 55 บริษัทไม่มีภาระทางภาษี เพราะได้ตัดเป็นค่าใช้จ่ายในคราวเดียวแล้ว และบริษัทสามารถกลับมาเดินกำลังการผลิตโรงกลั่นได้ที่ 1.77 แสนบาร์เรลต่อวัน แต่จะใช้กำลังการกลั่นเต็มจำนวน 100% หรือไม่อย่างไร ต้องขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงค่าการกลั่นว่าจะอยู่ในระดับที่จะส่งผลดีต่อบริษัทมากน้อนเพียงใด
สำหรับธุรกิจปิโตรเคมีนั้น ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทยังเป็นพาราไซลีนที่มีกำลังการผลิตราว 5 แสนตันต่อปี ซึ่งในปีนี้ราคาผลิตภัณฑ์เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามการพื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
"ปีนี้เราไม่ได้มอง growth เป็นตัวเลขว่าจะเติบโตเท่าไหร่ แต่ยังคงเน้นเรื่องความปลอดภัยในการดำเนินธุรกิจโรงกลั่น ส่วนกำไรในปี 54 ที่ drop ลงปีนี้คงไม่เกิดขึ้น เพราะปีก่อนมีภาระภาษี 1.2 พันล้านบาท ซึ่งเป็นภาระครั้งเดียว ถ้าเรากลับมากลั่นได้ตามแผนก็น่าจะส่งผลดีต่อบริษัท"นายมงคลนิมิตร กล่าว
บริษัทยังคงแผนการขยายธุรกิจในประเทศไทย โดยปีนี้จะขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มอีก 20 สถานี จากปัจจุบันที่มีอยู่ 524 สถานี รวมทั้งได้มีการเจรจากับเทสโก้ โลตัส ที่จะร่วมกันขยายสาขาร้านสะดวกซื้อ"โลตัส เอ็กเพรส"ในสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีอยู่ 53 สาขา เพื่อรองรับการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ
นายมงคลนิมิตร ยังคงยืนยันว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ EXXONMOBIL INTERNATIONAL HOLDING ซึ่งถือหุ้นอยุ่ 65.43% ยังคงนโยบายที่จะดำเนินธุรกิจในไทยและยังไม่มีแนวคิดที่จะขายกิจการ แม้ว่าที่ผ่านมา EXXON จะขายโรงกลั่นในประเทศมาเลเซีย และมีการปรับโครงสร้างหุ้นในประเทศญี่ปุ่น
ส่วนกรณีกระแสข่าวทีมีบริษัทน้ำมันรายใหญ่ในประเทศ รวมถึงบริษัทน้ำมันในต่างประเทศสนใจเข้าซื้อกิจการของบริษัทนั้น ไม่เป็นความจริง โดยบริษัทก็ได้มีการชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไปแล้วถึง 2 ครั้ง