ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 113.90 จุด ขานรับข้อมูลศก.สหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 27, 2012 06:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 เม.ย.) หลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านเดือนมี.ค.ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงรับเอาปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจ และเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดยืนยันความพร้อมที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 113.90 จุด หรือ 0.87% ปิดที่ 13,204.62 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 9.29 จุด หรือ 0.67% ปิดที่ 1,399.98 จุด ดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้น 20.98 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 3,050.61 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมี.ค. ปรับตัวขึ้น 4.1% มาอยู่ที่ 101.4

ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายในเดือนมี.ค.ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2553 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. โดยดัชนีเดือนก.พ.เป็นตัวเลขที่ได้รับการปรับทบทวนขึ้นจากรายงานก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าลดลง 0.5%

การพุ่งสูงขึ้นเกินคาดของดัชนีการทำสัญญาขายบ้านช่วยจุดประกายความหวังว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐจะกระเตื้องขึ้น และเป็นการสะท้อนว่าอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำช่วยดึงดูดผู้ซื้อให้กลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง

นอกจากนี้ ตลาดยังคงรับเอาปัจจัยบวกจากการที่เฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในปีนี้ขึ้นเป็น 2.4 - 2.9% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2.2 - 2.7% และเบน ประธานเฟดยืนยันว่า เฟดมีความพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ และยังกล่าวด้วยว่า เขาเตรียมที่จะใช้งบดุลบัญชีของเฟด เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจหากจำเป็น

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันในระดับหนึ่ง จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะซบเซาในตลาดแรงงานของสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 เม.ย. ลดลง 1,000 ราย มาอยู่ที่ 388,000 ราย ซึ่งลดลงน้อยกว่าที่คาดการณ์จะลดลงมาอยู่ที่ 375,000 ราย ส่งสัญญาณว่าการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐในช่วงก่อนหน้านี้เริ่มอ่อนแรง

หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 11% หลังจากเอ็กซอน โมบิล เปิดเผยว่า กำไรสุทธิในไตรมาสแรกปีนี้ ร่วงลง 11% มาอยู่ที่ระดับ 9.45 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2 ดอลลาร์ต่อหุ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีที่แล้วที่ระดับ 1.07 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 2.14 ดอลลาร์ และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดว่าจะอยู่ที่ 2.10 ดอลลาร์ต่อหุ้น

หุ้นบริษัทรับสร้างบ้าน 11 แห่งที่จดทะเบียนในดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นแข็งแกร่งเพราะได้แรงหนุนจากดัชนีการทำสัญญาขายบ้านเดือนมี.ค.ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาด โดยหุ้น Pulte Group พุ่งขึ้น 10%

หุ้นเชฟรอน คอร์ป พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสเพิ่มขึ้นเป็น 90 เซนต์ จากปัจจุบันที่ 81 เซนต์

หุ้นอเมซอนพุ่งขึ้น 12% หุ้นวอล-มาร์ท ดีดตัวขึ้น 2.8% หุ้นยูพีเอส ซึ่งเป็นให้บริการรับส่งบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 1.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรที่ลดลงในไตรมาสแรก ขณะที่หุ้นสตาร์บัคส์ ดิ่งลง 4.5%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยต้นทุนการจ้างงานประจำไตรมาส 1/2555, กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 1/2555 และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ